บริษัท ท่าอากาศยานไทย โตก้าวกระโดด

บริษัท ท่าอากาศยานไทย โตก้าวกระโดด Politic Economy
Politic Economy

สร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรองรับ 150 ล้านคน

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากโควิด-19 และเร่งขยายท่าอากาศยานใหญ่ ปี 2025 ทำกำไรสุทธิ 14.2 พันล้านบาทใน 9 เดือน ขณะเดียวกันเร่งแผนขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจากปัจจุบัน 65 ล้านคนต่อปี เป็น 150 ล้านคนต่อปี เพื่อเป็นศูนย์กลางการบินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ฟื้นตัวแบบตัว V หลังโควิด

ผลประกอบการของ AOT ฟื้นตัวอย่างน่าประทับใจหลังจากโควิด-19 ปี 2022 ขาดทุนสุทธิ 11 พันล้านบาท แต่ปี 2024 กลับมากำไรสุทธิ 19.1 พันล้านบาท

ปี 2025 ผลงานยิ่งสวยงาม ใน 9 เดือนแรกกำไรสุทธิ 14.26 พันล้านบาท เติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน ฐานะการเงินแข็งแกร่งนี้ทำให้สามารถลงทุนขยายท่าอากาศยานหลายหมื่นล้านบาทได้

จำนวนผู้โดยสารฟื้นตัวแรงขึ้นเช่นกัน ท่าอากาศยาน 6 แห่งของ AOT มีผู้โดยสาร 88.53 ล้านคนใน 8 เดือน เติบโต 9.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเส้นทางต่างประเทศ 54.24 ล้านคน เติบโต 10.8%

นโยบายท่องเที่ยวช่วยผลัก

การฟื้นตัวของผู้โดยสารมีนโยบายท่องเที่ยวของรัฐบาลช่วย ข้อตกลงยกเว้นวีซ่าไทย-จีนทำให้นักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น 138.34% เมื่อเทียบกับปีก่อน

มาตรการยกเว้นวีซ่าชั่วคราวสำหรับอินเดีย ไต้หวัน คาซัคสถาน ก็มีผล การขยายระยะเวลาวีซ่าท่องเที่ยวสำหรับญี่ปุ่นจาก 30 วัน เป็น 60 วัน ช่วยเปิดตลาดหลากหลายมากขึ้น

AOT มีมาตรการจูงใจลดค่าบริการลงจอดสูงสุด 50% เพื่อดึงเส้นทางใหม่ ในช่วงฤดูหนาว 2025 จะมีสายการบิน 7 แห่ง รวม 11 เส้นทางใหม่ เปิดบิน เช่น ยูไนเต็ด แอร์ฟรานซ์ เอติฮาด

แผนขยายสุวรรณภูมิขนาดใหญ่

แผนขยายหลักคือการพัฒนาสุวรรณภูมิครั้งใหญ่ ลงทุนรวม 1,420 พันล้านบาท เพิ่มกำลังรองรับจาก 65 ล้านคนเป็น 150 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 2.5 เท่า

รันเวย์ที่ 3 เริ่มใช้เมื่อพฤศจิกายน 2024 เพิ่มกำลังรองรับจาก 68 เที่ยวต่อชั่วโมง เป็น 94 เที่ยว โครงการขยายด้านตะวันออกใช้งบประมาณ 120-130 พันล้านบาท เสร็จปี 2030 เพิ่มกำลังรองรับ 15 ล้านคนต่อปี

หัวใจของแผนคือการสร้าง South Terminal งบประมาณ 1,300 พันล้านบาท ขนาดใหญ่มาก อาคารเทอร์มินัลนี้เพียงหลังเดียวรองรับได้ 70 ล้านคนต่อปี เริ่มก่อสร้างปี 2027 เสร็จปี 2033

พร้อมกันนั้นจะสร้างรันเวย์ที่ 4 เพิ่มกำลังรองรับเป็น 120 เที่ยวต่อชั่วโมง ทำให้เทียบเท่าท่าอากาศยานฮับชั้นนำของโลก

ขยายท่าอากาศยานอื่นทั่วประเทศ

นอกจากสุวรรณภูมิแล้ว ท่าอากาศยานสำคัญอื่นๆ ก็ขยายใหญ่เช่นกัน ดอนเมืองสร้างอาคารผู้โดยสารที่ 3 เพิ่มกำลังรองรับจาก 30 ล้านคนเป็น 40-50 ล้านคนต่อปี

ภูเก็ตขยายอาคารผู้โดยสารต่างประเทศ รองรับ 18 ล้านคนต่อปี เชียงใหม่ปรับปรุงใหญ่รองรับ 20 ล้านคนต่อปี

การจัดวางเชิงกลยุทธ์นี้ทำให้สุวรรณภูมิเป็นฮับสากลขนาดใหญ่ ดอนเมืองเป็นฮับสายการบินต้นทุนต่ำและเที่ยวบินภายในประเทศ ภูเก็ตและเชียงใหม่เป็นประตูท่องเที่ยว

การแข่งขันในภูมิภาคเข้มข้น

แผนใหญ่ของไทยไม่ได้ทำให้คู่แข่งนิ่งดูดาย สิงคโปร์ก่อสร้างอาคารผู้โดยสารที่ 5 กำลังรองรับ 50 ล้านคนต่อปี ปี 2025 เป็นต้นไป เสร็จกลางทศวรรษ 2030 รวมทั้งสนามบินรองรับได้ 140 ล้านคนต่อปี

มาเลเซียขยายกัวลาลัมเปอร์ เป้าหมายรองรับ 140 ล้านคนต่อปีเช่นกัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เกิดการแข่งขันด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างรุนแรง

ในไทยมีปัญหาการท่องเที่ยวล้นแล้ว ภูเก็ตและกรุงเทพฯ มีปัญหารถติด โครงสร้างพื้นฐานใช้เกินกำลัง ราคาที่อยู่อาศัยแพงขึ้น

เสียงเครื่องบินก็เป็นปัญหา การใช้รันเวย์ที่ 3 ของสุวรรณภูมิทำให้ AOT ต้องจ่ายค่าชดเชย 12 พันล้านบาทให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ

จุดที่ธุรกิจต้องจับตา

จากการวิเคราะห์ แผนขยายนี้ส่งผลต่อกิจกรรมธุรกิจหลายด้าน

ด้านโลจิสติกส์ การเพิ่มกำลังรองรับขนส่งทางอากาศทำให้เข้าถึงตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่มีมูลค่าสูงและชิ้นส่วนที่ต้องการความรวดเร็ว ช่วยเพิ่มความแข่งขันได้

ด้านบุคลากร การขยายท่าอากาศยานทำให้บุคลากรระดับสากลไหลเวียนมากขึ้น แต่ก็อาจทำให้ขาดแคลนแรงงานจากความต้องการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น

ด้านการลงทุน การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างโอกาสธุรกิจใหญ่ให้อุตสาหกรรมก่อสร้าง วัสดุ และโลจิสติกส์

แต่ต้องระวังความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ การพึ่พิงนักท่องเที่ยวจีนมากขึ้น หากเศรษฐกิจจีนผันผวนหรือความสัมพันธ์การทูตเสียหาย จะส่งผลกระทบใหญ่

ธุรกิจต้องคิดการเติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ใช่แค่เพิ่มปริมาณ แต่เน้นคุณภาพ โดยเฉพาะการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและอยู่ร่วมกับชุมชน จะเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจระยะยาว

อ้างอิง