รัฐบาลไทยเริ่มโครงการ “OTOD AI Transformation” เพื่อส่งเสริมการนำ AI มาใช้ในกลุ่มผู้ประกอบการ SME และเกษตรกรในเดือนกันยายน 2025 สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกรมสรรพากรและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) โครงการนี้มุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการมากกว่า 15,600 ราย สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ 500 ล้านบาทภายในปี 2026 โครงการนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการพัฒนาดิจิทัลของเศรษฐกิจไทย
ผลสำเร็จและพัฒนาการของโครงการ OTOD ก่อนหน้า
รัฐบาลไทยพัฒนาแบรนด์ “One Tambon, One Digital” (OTOD) อย่างเป็นกลยุทธ์ตั้งแต่ปี 2024 โครงการต้นแบบที่ประสบความสำเร็จคือ “OTOD ดิจิทัลทุเรียน” โครงการนี้ช่วยเกษตรกรทุเรียนในการจัดการข้อมูลและระบบตรวจสอบย้อนกลับ ผลลัพธ์คือลดต้นทุนการผลิต 180 ล้านบาท และเพิ่มมูลค่าตลาด 1,280 ล้านบาท ความสำเร็จนี้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ OTOD
ต่อมา “OTOD Smart Living” นำเสนอโซลูชั่น IoT ที่เป็นรูปธรรม เช่น ระบบไฟฟ้าแสงอาทิตย์อัจฉริยะและโดรนเกษตร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตในชุมชนท้องถิ่น ความสำเร็จเหล่านี้วางรากฐานสำหรับ “OTOD AI Transformation” ซึ่งเป็นโครงการที่ทะเยอทะยานที่สุด
ระบบสนับสนุนแบบบูรณาการสามหน่วยงาน
จุดเด่นที่สำคัญของโครงการนี้คือแนวทางบูรณาการของหน่วยงานรัฐ 3 แห่ง depa รับผิดชอบด้านเทคนิค กรมสรรพากรให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี และ BOI ให้แรงจูงใจการลงทุน ความร่วมมือนี้สร้างการสนับสนุนหลายระดับที่เกินกว่าระบบเงินอุดหนุนทั่วไป
กรมสรรพากรให้การหักลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 200% สำหรับค่าใช้จ่ายการลงทุนเทคโนโลยีดิจิทัลของ SME โดยกำหนดเป้าหมาย SME ที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาทและรายได้ต่อปีไม่เกิน 30 ล้านบาท การหักลดหย่อนมีเพดานสูงสุด 300,000 บาท มาตรการนี้มีผลตั้งแต่มิถุนายน 2025 ถึงธันวาคม 2027
BOI ให้การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 100% สูงสุด 5 ปีสำหรับการลงทุนขนาดใหญ่ในบริการดิจิทัล ทำให้ผู้ประกอบการทุกขนาดตั้งแต่รายย่อยไปจนถึงบริษัทใหญ่สามารถส่งเสริมการลงทุนดิจิทัลได้
กลยุทธ์สนับสนุนสองขั้นตอน “Funnel Approach”
โครงการผสมผสานการสนับสนุนสองรูปแบบคือ “d-voucher” และ “d-transform” d-voucher มุ่งเป้าผู้ประกอบการ 15,000 ราย (SME และร้านค้าขนาดเล็ก 10,000 ราย เกษตรกร 5,000 ราย) โครงการนี้ให้สิทธิใช้เครื่องมือดิจิทัลฟรี 6 เดือน การสนับสนุนนี้ช่วยขจัดอุปสรรคด้านต้นทุนเริ่มต้น ผู้ประกอบการหลากหลายได้ทดลองใช้เครื่องมือดิจิทัล
d-transform เป็นการสนับสนุนการลงทุนเต็มรูปแบบสำหรับ SME 600 ราย แยกเป็นภาคการผลิต 200 ราย พาณิชยกรรมและบริการ 300 ราย และแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตร 100 ราย โครงการนี้ให้เงินสนับสนุนแบบ matching fund สูงสุด 200,000 บาท แนวทางสองขั้นตอนนี้นำกลยุทธ์ “adoption funnel” จากการตลาดดิจิทัลมาใช้ในนโยบายสาธารณะ การสนับสนุนนี้นำทางจากการทดลองใช้ที่มีความเสี่ยงต่ำไปสู่การลงทุนเต็มรูปแบบ
การสร้างยุทธศาสตร์ Thailand 4.0 และนโยบาย AI
โครงการนี้เป็นเครื่องมือปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมของวิสัยทัศน์ระดับชาติ “Thailand 4.0” ที่รัฐบาลส่งเสริมตั้งแต่ปี 2016 โครงการมุ่งเปลี่ยนผ่านจากรูปแบบเศรษฐกิจที่พึ่งพาแรงงานราคาถูกไปสู่เศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมที่ใช้มูลค่าเป็นหลัก นอกจากนี้ยังเป็นการดำเนินการโดยตรงของ “แผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการ AI แห่งชาติ (2022-2027)” ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติในปี 2022
ยุทธศาสตร์ AI แห่งชาติตั้งเป้าสร้างบุคลากร AI มากกว่า 30,000 คนและพัฒนาทักษะผู้ใช้ AI ให้กับประชาชน 10 ล้านคนภายในปี 2027 โครงการ OTOD AI เป็นแรงขับเคลื่อนหลักในการสร้างฐานผู้ใช้ AI ที่กว้างขวาง ตัวเลข 600 บริษัทของ d-transform ตรงกับเป้าหมายยุทธศาสตร์ “การใช้นวัตกรรม AI ใน 600 องค์กร” โดยตรง
ระบบดำเนินงานและการสร้างระบบนิเวศดิจิทัล
การสมัครจะดำเนินการผ่านแอปพลิเคชันซูเปอร์แอปของรัฐบาล “ทางรัฐ” รัฐบาลเริ่มรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2025 โซลูชั่นดิจิทัลและ AI ที่ได้รับการสนับสนุนจะต้องลงทะเบียนใน “บัญชีดิจิทัลไทย” ที่ depa เป็นผู้จัดการ
การบังคับใช้บัญชีดิจิทัลไม่ใช่เพียงความสะดวกในการบริหารจัดการเท่านั้น แต่เป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศการกำกับดูแลดิจิทัลของไทยโดยรวม รัฐบาลนำผู้ประกอบการมากกว่า 15,600 รายเข้าสู่แอปพลิเคชัน ทางรัฐ เพื่อขยายฐานผู้ใช้แพลตฟอร์มรัฐบาลดิจิทัลโดยรวม รัฐบาลจำกัดเงินอุดหนุนให้เฉพาะผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนในประเทศ มาตรการนี้สร้างตลาดที่มั่นใจให้กับบริษัทดิจิทัลไทยและส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในประเทศ
สำหรับการขยายผลไปยังภูมิภาค รัฐบาลจะดำเนินกิจกรรมในพื้นที่ 7 จังหวัดหลักนอกเขตกรุงเทพมหานคร (พิษณุโลก เชียงใหม่ สงขลา ภูเก็ต ชลบุรี อุบลราชธานี และขอนแก่น)
แนวโน้มอนาคตและผลกระทบต่อธุรกิจ
BKK IT News มองว่าโครงการนี้จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครั้งใหญ่ต่อเศรษฐกิจไทย SME คิดเป็น 90% ของเศรษฐกิจและจ้างงานครึ่งหนึ่งของกำลังแรงงานไทย การนำ AI มาใช้อย่างกว้างขวางจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการยกระดับผลิตภาพของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดต่อความสำเร็จคือการเอาชนะความแตกต่างทางดิจิทัลและช่องว่างด้านทักษะ ในไทยครัวเรือนที่มีคอมพิวเตอร์มีเพียง 16% นายจ้างที่หาบุคลากร AI ที่จำเป็นได้มีเพียง 64% แรงงาน 81% ไม่มั่นใจว่าจะนำทักษะ AI มาประยุกต์ใช้ในอาชีพของตนได้อย่างไร
กลยุทธ์การตอบสนองของธุรกิจ
สำหรับธุรกิจ การเตรียมการเชิงกลยุทธ์โดยใช้โครงการนี้เป็นโอกาสมีความสำคัญ การใช้ประโยชน์จากโซลูชั่นที่ลงทะเบียนในบัญชีดิจิทัลไทยสามารถเพิ่มการสนับสนุนจากรัฐบาลให้สูงสุดและดำเนินการดิจิทัลได้ ธุรกิจสามารถสนับสนุนการดิจิทัลของพันธมิตรและคู่ค้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทานโดยรวม
นอกจากนี้ การใช้ประโยชน์จากมาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีของรัฐบาลในการลงทุนดิจิทัลเป็นโอกาสในการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและลดต้นทุนไปพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม การสร้างยุทธศาสตร์การลงทุนระยะยาวที่คำนึงถึงความยั่งยืนหลังสิ้นสุดเงินอุดหนุนเป็นสิ่งจำเป็น
ด้านการพัฒนาบุคลากร การนำโปรแกรมเพิ่มพูนความรู้ดิจิทัลภายในองค์กรและการร่วมมือกับสถาบันฝึกอบรมภายนอกเพื่อพัฒนาทักษะพนักงานเป็นเรื่องเร่งด่วน การใช้ประโยชน์จากการสนับสนุนของรัฐบาลเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการรับมือกับดิจิทัลขององค์กรโดยรวมจะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันในอนาคต
ลิงก์บทความอ้างอิง
- DEPA launches digital service accounts and OTOD AI Transformation to support the Thai economy – Money & Banking Magazine
- New initiative targets nationwide AI adoption – Bangkok Post
- AI-Thailand-Annual-Report-2023.pdf
- Thailand Approves 200% Tax Deduction for SMEs [Sept 2025] – Lex Nova Partners
- งานแถลงนโยบาย AI Transformation ปรับเพื่อรอด เปลี่ยนเพื่อเศรษฐกิจไทย – YouTube