ตลาดคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ของไทยกำลังเข้าสู่จุดสำคัญ งาน Thailand Cloud & Datacenter Convention 2025 (THCDC 2025) จะจัดขึ้นในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2025 งานนี้ไม่ใช่เพียงแค่อีเวนต์อุตสาหกรรมทั่วไป งานนี้เป็นเวทีสำคัญที่บ่งบอกทิศทางกลยุทธ์โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทย
ขนาดและความสำคัญของงาน
THCDC 2025 จะจัดขึ้นที่ Centara Grand กรุงเทพฯ ผู้จัดงาน W.Media เป็นแพลตฟอร์มสื่อและชุมชนที่เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก W.Media จัดงานนี้ในไทยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2021
งานนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมกว่า 1,500 คน งานจะมีวิทยากรกว่า 70 คน มีบริษัทผู้สนับสนุนและผู้จัดแสดงกว่า 50 แห่ง สิ่งที่น่าสนใจคือคุณภาพของผู้เข้าร่วม ในปี 2024 มีผู้มีอำนาจตัดสินใจหลัก (Key Decision Makers) ถึง 63% ผู้เข้าร่วมต่างชาติมี 50%
งานในปี 2024 มีผู้เข้าร่วมกว่า 1,600 คน ผู้จัดประเมินว่าประสบความสำเร็จ “เกินความคาดหมาย” การเติบโตนี้สะท้อนถึงความสนใจระดับนานาชาติที่มีต่อตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ของไทย
การขยายตัวของตลาด Data Center ไทย
ตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ของไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว หน่วยงานวิจัยหลายแห่งคาดการณ์ว่าขนาดตลาดจะอยู่ที่ 15-42 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 12-17%
สิ่งที่ขับเคลื่อนการเติบโตนี้คือการลงทุนจากต่างชาติจำนวนมหาศาล คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) อนุมัติโครงการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ 28 โครงการในช่วงครึ่งปีแรกของ 2025 เพียงอย่างเดียว มูลค่ารวม 161 พันล้านดอลลาร์ บริษัทระดับโลกต่างเข้ามาลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง เช่น Telehouse ในเครือ KDDI จากญี่ปุ่น, ZDATA จากจีน, และ DAMAC จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
รัฐบาลไทยกำหนดกลยุทธ์พัฒนาเศรษฐกิจ “Thailand 4.0” และแนวคิด “ASEAN Digital Hub” รัฐบาลกำหนดให้ดาต้าเซ็นเตอร์เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ BOI มีมาตรการสนับสนุน เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษีและการบังคับให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี
สามเสาหลัก: AI, Data Sovereignty และ Sustainability
ธีมหลักของ THCDC 2025 คือ “Advancing Thailand’s Cloud and Datacenter Future: Leading with AI, Securing Data, and Innovating Sustainability” ซึ่งสะท้อนประเด็นท้าทายที่สำคัญที่สุดของตลาดไทย
ความต้องการจาก AI
AI workload เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่กระตุ้นความต้องการในตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ไทย ในงานจะมีการหารือเกี่ยวกับปัญหาทางเทคนิคของโครงสร้างพื้นฐานรุ่นใหม่ ตัวอย่างเช่น ระบบระบายความร้อนความหนาแน่นสูง, ระบบจ่ายไฟที่มีประสิทธิภาพ, และการเชื่อมต่อแบบ ultra-low latency ที่จำเป็นสำหรับการประมวลผล AI
กรุงเทพฯ กำลังเติบโตเป็นศูนย์กลางดาต้าเซ็นเตอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความต้องการ AI เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก นักลงทุนระดับนานาชาติมองว่าไทยเป็นฐานที่สำคัญในกลยุทธ์เอเชียแปซิฟิก
การรักษาความปลอดภัยข้อมูล
ไทยบังคับใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) อย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2022 การใช้คลาวด์กำลังเร่งตัวขึ้น Data Sovereignty กลายเป็นประเด็นสำคัญสูงสุดสำหรับองค์กรและภาครัฐ
ในงานจะมีการหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์ปฏิบัติตาม PDPA และความสมดุลกับนวัตกรรม การหารือจะครอบคลุมทั้งมุมกฎหมายและธุรกิจ องค์กรจะได้รับข้อมูลที่จำเป็นในการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางกฎหมาย องค์กรจะสามารถวางกลยุทธ์ข้อมูลได้อย่างเหมาะสม
ความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
นี่คือความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ไทย Hyperscaler และนักลงทุนระดับนานาชาติต้องการดำเนินงานดาต้าเซ็นเตอร์ด้วยพลังงานหมุนเวียน 100% เป้าหมายคือการบรรลุ ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล)
อย่างไรก็ตาม กฎระเบียบปัจจุบันของไทยทำให้ “DPPA (Direct Power Purchase Agreement)” เป็นเรื่องยาก นี่เป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดต่อการลงทุน แผงหารือสำคัญ “Greening the Grid: How Thailand’s Renewable Incentives Are Reshaping Digital Infrastructure” จะมีการหารือเกี่ยวกับข้อเสนอด้านนโยบาย ตัวอย่างเช่น การลดค่าไฟฟ้าและความเร่งด่วนของการนำ DPPA มาใช้
เวทีที่รวมระบบนิเวศทั้งหมด
คุณค่าของ THCDC 2025 อยู่ที่การรวมตัวของผู้เล่นหลักในห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดที่ประกอบเป็นระบบนิเวศดาต้าเซ็นเตอร์
Hyperscaler (AWS, Google, Microsoft ฯลฯ) เป็นกลุ่มลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งอุปสงค์ ผู้ให้บริการ Colocation (Telehouse, ZDATA, TCC Technology, INET ฯลฯ) หาลูกค้าใหม่ในฝั่งอุปทาน ผู้ให้บริการโซลูชันโครงสร้างพื้นฐาน (Huawei, ZTE, Socomec ฯลฯ) นำเสนอโซลูชันล่าสุดในด้านเทคนิค และนักลงทุนและหน่วยงานภาครัฐ (เช่น BOI) รับผิดชอบด้านนโยบายและเงินทุน
โครงการดาต้าเซ็นเตอร์ต้องการการประสานงานระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ซับซ้อน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียประกอบด้วย กฎระเบียบ, ที่ดินและไฟฟ้า, การก่อสร้าง, เทคโนโลยี, และลูกค้าสุดท้าย โดยปกติการประสานงานเหล่านี้ใช้เวลาหลายเดือนถึงหลายปี งานนี้ทำหน้าที่เป็น “แพลตฟอร์มอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรม” งานรวมผู้มีอำนาจตัดสินใจกว่า 1,500 คนในหนึ่งวัน สิ่งนี้ช่วยลด “Time-to-Market” ของโครงการ
แผงหารือสำคัญ 4 หัวข้อ
งานมีแผงหารือหลัก 4 หัวข้อ
“Powering Thailand’s Datacenter Future” จะหารือเกี่ยวกับการทำให้กระบวนการลงทุนเป็นระบบ หัวข้อประกอบด้วยการดึงดูดเงินทุนระดับนานาชาติและความสมดุลระหว่างเป้าหมายทางเศรษฐกิจและความยั่งยืน เซสชันนี้สำหรับนักลงทุนระดับบริหาร นักลงทุนจะได้ประเมินสภาพแวดล้อมการลงทุนของรัฐบาลไทย โดยเฉพาะ BOI
“Data Sovereignty and Privacy in a Cloud-First Economy” จะหารือเกี่ยวกับการปฏิบัติตาม PDPA และนวัตกรรม หัวข้อประกอบด้วยการปกป้องข้อมูลและการสร้างความไว้วางใจในคลาวด์ เซสชันนี้จำเป็นสำหรับผู้ให้บริการคลาวด์และองค์กรผู้ใช้
“How Can Thailand’s Data Centers Keep Pace with AI and Sustainability Demands?” จะหารือเกี่ยวกับการรองรับ AI workload, การปฏิบัติตาม ESG, และการทำให้โครงสร้างพื้นฐานทันสมัย ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์จะได้รับข้อมูลทางเทคนิคและกลยุทธ์ ข้อมูลนี้จะช่วยในการตัดสินใจลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานรุ่นใหม่
แผงที่สำคัญที่สุดคือ “Greening the Grid” แผงนี้จะมีการหารือระหว่างภาครัฐและเอกชนเกี่ยวกับอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุด อุปสรรคคือการจัดหาไฟฟ้าสีเขียว นี่เป็นปัจจัยสำคัญต่อการอยู่รอดของไทยในฐานะแหล่งลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ระดับนานาชาติ
ความสามารถในการแข่งขันและความท้าทายของไทย
ไทยมุ่งมั่นสร้างตำแหน่งเป็น ASEAN Digital Hub อย่างไรก็ตาม ประเทศคู่แข่งกำลังแข่งขันอย่างรุนแรง ประเทศเหล่านี้ได้แก่เวียดนามและมาเลเซีย
การหารือในงานจะมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะทัศนคติของรัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลเกี่ยวกับการจัดหาไฟฟ้าสีเขียว นอกจากนี้ นโยบายที่เป็นรูปธรรมที่ BOI และคณะกรรมการกำกับพลังงานจะออกมาภายหลังก็สำคัญเช่นกัน ปัจจัยเหล่านี้จะกำหนดความสามารถในการแข่งขันของไทย หากนักลงทุนไม่พอใจกับความคืบหน้าของนโยบายไทย การลงทุนอาจไหลไปยังประเทศคู่แข่ง ประเทศคู่แข่งอาจเสนอเงื่อนไขที่ดีกว่า
ตลาดดาต้าเซ็นเตอร์เป็นโครงสร้างพื้นฐานของเศรษฐกิจดิจิทัลทั้งหมด อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องได้แก่ E-commerce, การเงิน, Healthcare, และ AI สื่อไทยตระหนักกันอย่างกว้างขวางว่าดาต้าเซ็นเตอร์เป็น “ตัวเปลี่ยนประเทศ” และ “แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล”
ผลกระทบต่อธุรกิจ
THCDC 2025 มีความสำคัญต่อองค์กรที่ดำเนินธุรกิจในไทย
องค์กรที่ใช้บริการดาต้าเซ็นเตอร์จะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มเทคโนโลยีล่าสุด องค์กรจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับข้อกำหนดการปฏิบัติตามกฎหมายและเกณฑ์ในการเลือกผู้ให้บริการ องค์กรที่พิจารณาใช้ AI จะเข้าใจข้อกำหนดโครงสร้างพื้นฐาน องค์กรจะได้รับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด
นอกจากนี้ ทิศทางนโยบายที่แสดงในงานจะเป็นตัวบ่งชี้ล่วงหน้าที่สำคัญ ตัวบ่งชี้นี้จะช่วยในการคาดการณ์สภาพแวดล้อมทางธุรกิจในอนาคต ปัจจัยสำคัญได้แก่ความคืบหน้าของนโยบายพลังงานสีเขียว, แนวโน้มกฎระเบียบข้อมูล, และการเปลี่ยนแปลงสิ่งจูงใจการลงทุน ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของธุรกิจ
มุมมองอนาคต
BKK IT News มองว่าปี 2025 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ จุดนี้จะกำหนดว่าไทยจะสามารถสร้างตำแหน่งเป็นดิจิทัลฮับหลักของอาเซียนได้หรือไม่ หรือไทยจะล้าหลังประเทศคู่แข่ง ตัวแปรที่ใหญ่ที่สุดที่จะตัดสินจุดแยกนี้คือความต้องการ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตัวแปรอีกตัวคือการจัดหาพลังงานสีเขียวที่รองรับ
THCDC 2025 จะเป็นเวทีที่รัฐบาลไทยแสดงคำตอบต่อประชาคมโลกเกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้ การหารือในงานจะเป็นตัวบ่งชี้ล่วงหน้าที่สำคัญ ตัวบ่งชี้นี้จะกำหนดเส้นทางการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลไทยตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป
เราจึงต้องจับตาดูงานนี้อย่างใกล้ชิดเพื่อคาดการณ์อนาคตของตลาดโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลไทย
ลิงก์บทความอ้างอิง
- Thailand Cloud and Datacenter Convention 2025: Spotlight on AI, Investment, Data Security, and Sustainability – W.Media
- Thailand Cloud & Datacenter Convention 2025 – CloudDatacenter.Events
- Thailand data center investments hit US$16.1 billion from 28 projects in 1H 2025 – W.Media
- Thailand approves four data center projects worth US$ 3.1 billion – W.Media
- Thailand Data Center Market Size & Forecast Report 2030 – Mordor Intelligence


