เดือนพฤศจิกายน 2025 ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชากลับมาทวีความรุนแรงอีกครั้ง ข้อตกลงสันติภาพที่เพิ่งลงนามเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมล่มสลายอย่างแท้จริงภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ นักเศรษฐศาสตร์เตือนถึงความเสี่ยงที่มูลค่าการส่งออกไปกัมพูชา 130,000 ล้านบาทอาจสูญหาย
ข้อตกลงสันติภาพล่มสลายภายใน 2 สัปดาห์
วันที่ 26 ตุลาคม นายกรัฐมนตรีไทยอนุทินและนายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุน มาเนตลงนามข้อตกลงสันติภาพ (KLPA) ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ข้อตกลงนี้มีระดับสูงมาก โดยมีประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีอันวาร์ของมาเลเซียเป็นพยาน
อย่างไรก็ตาม วันที่ 10 พฤศจิกายน หน่วยลาดตระเวนของกองทัพไทยเหยียบระเบิดในพื้นที่ชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ ทหารไทย 4 นายได้รับบาดเจ็บ โดย 1 นายต้องตัดข้อเท้าขวา กองทัพไทยระบุว่าระเบิด PMN-2 ที่พบนั้นถูก “วางใหม่โดยเจตนา”
นายกรัฐมนตรีอนุทินประกาศ “ระงับ” ข้อตกลงสันติภาพอย่างไม่มีกำหนดในวันเดียวกัน การปล่อยตัวเชลยชาวกัมพูชา 18 นายที่กำหนดไว้วันที่ 21 พฤศจิกายนก็ถูกยกเลิก
วันที่ 12 พฤศจิกายน กองทัพทั้งสองฝ่ายเกิดการยิงกันบริเวณจังหวัดบันเตียเมียนชัยของกัมพูชาที่ติดกับจังหวัดสระแก้วของไทย ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่า “กองทัพไทยยิงพลเรือนที่ไม่มีอาวุธโดยเจตนา” มีผู้เสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บ 3 ราย โฆษกกองทัพไทยโต้แย้งอย่างเต็มที่ว่าเป็น “การจัดฉาก” และ “การปลอมแปลง” ทั้งสองประเทศกำลังใช้คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ในสงครามข้อมูลข่าว
ผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจ
วันที่ 14 พฤศจิกายน นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำออกคำเตือนเกี่ยวกับผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจ SCB EIC ระบุว่าหากความขัดแย้งยืดเยื้อ มูลค่าการส่งออกของไทยไปกัมพูชา (ประมาณ 130,000 ล้านบาท) อาจสูญหายในปี 2026 KResearch ประเมินว่าการปิดชายแดนอาจสร้างความเสียหายต่อ GDP ของไทย 100,000 ล้านบาท
การคาดการณ์เหล่านี้อิงจากข้อมูลจริงที่เกิดขึ้นแล้ว การสู้รบครั้งใหญ่เมื่อเดือนกรกฎาคมและข้อตกลงหยุดยิง รวมถึงการปิดชายแดนที่ตามมา ส่งผลให้การส่งออกของไทยไปกัมพูชาในไตรมาสที่ 3 (กรกฎาคม-กันยายน) ปี 2025 ลดลง 43% เมื่อเทียบกับปีก่อน
การค้าชายแดนตกอยู่ในสภาวะ “หยุดเกือบ 100%” สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสประเมินความเสียหายของการค้าชายแดนอยู่ที่ 14,000 ล้านบาทต่อเดือน ด่านตรวจชายแดนที่อรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ของไทยและปอยเปตของกัมพูชาซึ่งเป็นจุดค้าขายที่ใหญ่ที่สุดถูกผลักดันให้หยุดชะงักโดยสมบูรณ์ในช่วงวิกฤตเดือนพฤศจิกายน
ปัญหาขาดแคลนแรงงานและผลกระทบต่อการท่องเที่ยว
ก่อนเกิดความขัดแย้ง แรงงานชาวกัมพูชาในประเทศไทยมีจำนวนประมาณ 500,000 ถึง 1,000,000 คน ซึ่งเป็นแรงสนับสนุนสำคัญในภาคเกษตรกรรมและก่อสร้างของไทย ความขัดแย้งในเดือนกรกฎาคมและความตึงเครียดที่กลับมาในเดือนพฤศจิกายนทำให้แรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศเป็นจำนวนมาก ภาคก่อสร้างและเกษตรกรรมของไทยประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรง
กระทรวงแรงงานไทยกำลังเร่งหาแรงงานทดแทนจากเมียนมา ลาว และศรีลังกา ในขณะเดียวกัน พ่อค้าชาวกัมพูชาหลายพันคนที่หาเลี้ยงชีพจากตลาดชายแดนและคนไทยที่เดินทางไปคาสิโนที่ปอยเปตก็ไม่สามารถสัญจรได้ เศรษฐกิจท้องถิ่นบริเวณชายแดนได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
ผลกระทบต่อการท่องเที่ยวก็รุนแรงไม่แพ้กัน บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกที่ติดชายแดน อัตราการยกเลิกการจองทัวร์ถึง 100% อุทยานประวัติศาสตร์เขาพระวิหารและปราสาทหินพนมรุ้งซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญถูกปิด ผลกระทบไม่ได้จำกัดอยู่แค่พื้นที่ชายแดน แม้แต่เชียงใหม่และกรุงเทพฯ ก็มีรายงานการยกเลิกการจอง 10% ถึง 30%
รัฐบาลไทยเริ่มมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวฉุกเฉิน 90,000,000 บาทตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน
ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์และการเมืองภายในประเทศ
รากฐานของความขัดแย้งนี้คือปัญหาอาณาเขตที่ดำเนินมากว่า 100 ปี เส้นชายแดนกำหนดโดยสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสปี ค.ศ. 1904 และ 1907 ฝ่ายไทยอ้างว่าแผนที่ฉบับปี 1907 ที่ฝรั่งเศสสร้างขึ้นนั้นวาดให้เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายกัมพูชา
ในปี 1962 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินว่าอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา คำตัดสินนี้เป็นสิ่งที่คนไทยหลายคนไม่สามารถยอมรับได้ และยังคงกระตุ้นชาตินิยมของไทยอยู่เสมอ
ปัจจัยที่ทำให้ความขัดแย้งชายแดนในปี 2025 ไม่มั่นคงรวมถึงความสับสนทางการเมืองภายในประเทศไทยด้วย เดือนมิถุนายน การสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างนายกรัฐมนตรีแพทองทานและประธานวุฒิสภาฮุน เซนของกัมพูชาถูกเปิดเผย กลายเป็นวิกฤตทางการเมือง วันที่ 1 กรกฎาคม ศาลรัฐธรรมนูญสั่งพักหน้าที่นายแพทองทาน
นายกรัฐมนตรีอนุทินที่เข้ารับตำแหน่งในเดือนกันยายน ไม่มีทางเลือกที่จะ “อ่อนแอ” ทางการเมืองได้ เพราะผู้นำคนก่อนพังเพราะ “อ่อนแอต่อกัมพูชา” การตอบสนองอย่างเข้มงวดต่อเหตุการณ์ระเบิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนเป็นการแสดงออกต่อกลุ่มอนุรักษ์นิยมและกองทัพในประเทศด้วย
มุมมองในอนาคต
ผู้ส่งออกและนำเข้าของไทยอาจถูกบังคับให้เปลี่ยนโครงสร้างโดยลดการพึ่งพาเส้นทางทางบกและเพิ่มสัดส่วนการขนส่งทางเรือและทางอากาศ แม้ต้นทุนจะสูงขึ้น ในทางกลับกัน กัมพูชาอาจเร่งการเข้าหาจีนและเวียดนามทางเศรษฐกิจ
แรงงานชาวกัมพูชา 500,000 ถึง 1,000,000 คนที่กลับประเทศไปแล้วอาจลังเลที่จะกลับมา เพราะกังวลเรื่องความรู้สึกต่อต้านกัมพูชาที่เพิ่มขึ้นในไทย หากไม่สามารถหาแรงงานทดแทนได้อย่างราบรื่น ปัญหาขาดแคลนแรงงานอาจเป็นปัญหาเรื้อรัง
กองทัพไทยวางแผนสร้างรั้วป้องกันตามแนวชายแดน (สูง 3.5 เมตร) จะจำกัดการค้าชายแดนและการสัญจรของประชาชนอย่างถาวร และทำให้การแบ่งแยกทางเศรษฐกิจและสังคมของทั้งสองประเทศตายตัว
BKK IT News มองว่าวิกฤตนี้ได้ยกระดับความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ในความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาไปสู่ระดับที่ควบคุมไม่ได้ ความเสียหายทางเศรษฐกิจ 130,000 ล้านบาทที่นักเศรษฐศาสตร์ประเมินไว้อาจเป็นเพียงใบแรกที่สังคมไทยต้องเผชิญ
บทความอ้างอิง
- Economic warning as Thai and Cambodian troops clash – Bangkok Post
- Thailand suspends Cambodia peace deal after landmine blast – Al Jazeera
- Cambodia says Thai troops kill one in fresh border clashes – Yahoo News
- ASEAN to conduct on-site probe of landmine incident – Fine Day Radio
- The complex fault lines of the Thai–Cambodian armed conflict – IISS


