บริษัท Snowflake ผู้นำด้าน Data Cloud จากสหรัฐอเมริกาได้เข้าสู่ตลาดไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2025 บริษัทได้นำเสนอแพลตฟอร์ม “AI Data Cloud” โดยมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมที่มีข้อบังคับในประเทศไทย กลยุทธ์คือการทำให้สามารถวิเคราะห์ AI ได้ในขณะที่เก็บข้อมูลไว้ในประเทศ
การวางตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ด้วย AI Data Cloud
สิ่งที่ Snowflake นำเสนอไม่ใช่เพียงแค่บริการจัดเก็บข้อมูลธรรมดา แต่เป็น “AI Data Cloud” บริษัทกำหนดตัวเองว่าเป็น “ผู้ให้บริการ AI Data Cloud”
กลยุทธ์นี้มีเจตนาที่ชัดเจน Snowflake หลีกเลี่ยงธุรกิจ Storage ที่มีการแข่งขันด้านราคาสูง และตอบโจทย์โดยตรงต่อการนำ AI มาใช้ซึ่งเป็นความสนใจสูงสุดขององค์กร หลายองค์กรล้มเหลวในการนำ AI มาใช้เพราะข้อมูลถูกแบ่งแยกตามแผนก คุณภาพข้อมูลไม่ได้รับการรับรอง Snowflake วางตำแหน่งตัวเองเป็น “ฐานข้อมูลที่มี Governance สำหรับ AI”
คำตอบสำหรับอธิปไตยข้อมูล
ข้อความหลักสำหรับตลาดไทยคือ “อธิปไตยข้อมูล” (Data Sovereignty) นี่คือคำตอบต่อพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ของไทยที่มีผลบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2022
PDPA บังคับให้องค์กรในประเทศไทยต้องเผชิญข้อจำกัดที่เข้มงวด โดยเฉพาะภาคการเงิน การแพทย์ และภาครัฐไม่สามารถนำข้อมูลลูกค้าออกนอกประเทศได้ง่าย Snowflake เปลี่ยนข้อจำกัดนี้ให้เป็นโอกาสทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุด บริษัทเน้นว่า “สามารถวิเคราะห์ AI ได้ในขณะที่เก็บข้อมูลไว้ในประเทศ”
สิ่งที่ทำให้คำสัญญานี้เป็นจริงได้คือ Local Region ของ AWS Snowflake จะติดตั้ง Local Instance บน “AWS Asia Pacific (Thailand) Region” การเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบกำหนดไว้ในปี 2026 หากไม่มี การเปิด Region ของ AWS ในประเทศไทย กลยุทธ์นี้คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้
จุดบรรจบของ 3 แนวโน้ม
การเข้าสู่ตลาดของ Snowflake เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ 3 แนวโน้มบรรจบกัน
ประการแรก นโยบาย “Thailand 4.0” ของรัฐบาลไทยและ “แผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการ AI ของชาติ (2022-2027)” ได้สร้างความต้องการด้าน AI และการใช้ประโยชน์จากข้อมูล เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยคิดเป็น 6% ของ GDP ในปี 2023 และคาดว่าจะถึง 11% ในปี 2027
ประการที่สอง การบังคับใช้ PDPA อย่างเต็มรูปแบบ (มิถุนายน 2022) ได้บังคับให้องค์กรต้องจัดการกับ Data Governance และอธิปไตยข้อมูล
ประการที่สาม การเปิด Local Cloud Region ในประเทศไทยโดย AWS, Google, Microsoft (2024-2025) ได้จัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี
แต่ละประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเสริมกฎหมายอธิปไตยข้อมูลของตนเอง Snowflake ใช้กลยุทธ์ “Multi-Local” ในการติดตั้ง Local Instance ในแต่ละประเทศ แม้จะมีต้นทุนสูง แต่ “การปฏิบัติตามกฎหมายของแต่ละประเทศอย่างสมบูรณ์” จะกลายเป็นอุปสรรคที่แข็งแกร่งต่อคู่แข่งที่ต้องการเข้าสู่ตลาด
กลยุทธ์ Partner First
Snowflake ไม่ได้เปิดตลาดไทยเพียงลำพัง แต่ใช้กลยุทธ์ “Partner First” ที่ให้ความสำคัญกับความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในท้องถิ่นเป็นอันดับแรก
การเข้าถึงอุตสาหกรรมที่มีข้อบังคับในไทยต้องอาศัยความสัมพันธ์ทางการค้ายาวนาน ต้องเข้าใจธรรมเนียมการค้าในท้องถิ่น และต้องมีความรู้เกี่ยวกับ PDPA อย่างลึกซึ้ง ในเดือนกันยายน 2025 บริษัท BAC ซึ่งเป็น SI ชั้นนำของไทยด้านการวิเคราะห์ข้อมูลได้ประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับ Snowflake ในเดือนเมษายน บริษัท Seven Peaks Software ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ก็ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เช่นกัน ในประเทศไทยระบบนิเวศพาร์ทเนอร์ของ AWS กำลังเข้าสู่ระยะผู้ใหญ่ Snowflake กำลังเข้าสู่ตลาดโดยใช้ประโยชน์จากฐานรากนี้
ความร่วมมือที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์เป็นพิเศษคือการร่วมงานกับ WHA Group ซึ่งเป็นผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมรายใหญ่ ตลาด Cloud และการลงทุนด้าน Data Center ของไทยมีความเข้มข้นในเขตกรุงเทพมหานครและระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) WHA Group บริหารนิคมอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดใน EEC ความร่วมมือนี้ช่วยให้ Snowflake เข้าถึงผู้ผลิตหลายร้อยรายที่อยู่ใน EEC ได้
สภาพแวดล้อมตลาด Cloud ของไทย
ตลาด Cloud ของไทยที่ Snowflake เข้ามามีพลวัตสูงมาก หน่วยงานวิจัยทุกแห่งคาดการณ์ว่าตลาดจะเติบโต 14%-20% ต่อปีโดยเฉลี่ยในอีก 5 ถึง 10 ปีข้างหน้า
Bangkok Post คาดการณ์การเติบโต 20% ต่อปีจาก 2.1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 ถึง 4.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2029 กรุงเทพฯ มี IT Capacity ของ Data Center เติบโตมากกว่า 20 เท่าในช่วง 5 ปีจาก 2019 ถึง 2024
กลยุทธ์ของ Snowflake คือการตอกลิ่มเชิงกลยุทธ์ใน WHA Group ซึ่งเป็นบริษัทหลักของ EEC ที่มีการเติบโตเข้มข้นที่สุด
ผลกระทบต่อองค์กรและการเปลี่ยนแปลงตลาดบุคลากร
การเข้ามาของ Snowflake จะส่งผลกระทบมากที่สุดต่ออุตสาหกรรมที่มีข้อบังคับ ภาครัฐ การแพทย์ และภาคการเงินมีข้อมูลที่ละเอียดอ่อนมากที่สุด แต่องค์กรเหล่านี้ต้องระมัดระวังในการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเนื่องจาก PDPA
ในหลายองค์กรไทย ข้อมูลถูกแบ่งแยก และ “ถูกพักไว้” เพื่อการปฏิบัติตาม Compliance มูลค่าที่ Snowflake มอบให้คือ “ฐานข้อมูลที่มีการควบคุมซึ่งสามารถใช้ AI ได้อย่างปลอดภัยและเป็นไปตามข้อกำหนด Compliance”
อย่างไรก็ตาม การขาดแคลนบุคลากรดิจิทัลของไทยเป็นเรื่องร้ายแรง “Data Analyst” และ “Data Scientist” ขาดแคลนอย่างเรื้อรัง เมื่อแพลตฟอร์มขั้นสูงอย่าง Snowflake เริ่มใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ ความต้องการบุคลากรเชี่ยวชาญจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะสั้น ผลที่ตามมาคือค่าตอบแทนบุคลากรจะพุ่งสูงขึ้น การแข่งขันระหว่างองค์กรในการหาบุคลากรจะรุนแรงขึ้น
ในระยะกลางถึงระยะยาว เครื่องมือ “AI Democratization” จะแพร่หลาย ผู้ใช้จะสามารถสอบถามและวิเคราะห์ข้อมูลโดยการถาม AI ด้วยภาษาธรรมชาติได้ การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงจะเปิดกว้างสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
สรุป
การเข้าสู่ตลาดไทยของ Snowflake เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในยุทธศาสตร์ดิจิทัลของประเทศไทย การเข้ามาครั้งนี้เกิดจากการบรรจบกันของ 3 แนวโน้ม นโยบายของรัฐบาลไทย การบังคับใช้ PDPA และการเปิด Local Region ของ Hyperscaler
Snowflake วางตำแหน่งตัวเองเป็นแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ “เก็บข้อมูลไว้ในประเทศ ปฏิบัติตาม PDPA และได้รับประโยชน์จาก AI” กลยุทธ์ “Partner First” ที่สัญลักษณ์โดยความร่วมมือกับ WHA Group และ BAC เป็นแผนปฏิบัติการที่ละเอียดในการโจมตีตลาดที่ซับซ้อน
จากมุมมองของ BKK IT News การเข้าสู่ตลาดไทยของ Snowflake แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจข้อมูลของไทยกำลังเปลี่ยนจากยุคที่เพียง “เก็บ” ข้อมูล ไปสู่ยุคที่ “ควบคุมและใช้ประโยชน์” จากข้อมูล จุดสนใจในอนาคตจะเป็นการที่ภาครัฐและภาคเอกชนจะร่วมมือกันแก้ไขคอขวดเรื่องการขาดแคลนบุคลากรในการใช้แพลตฟอร์มขั้นสูงนี้ได้อย่างไร
ลิงก์บทความอ้างอิง
- Snowflake enters the Thai market with the launch of AI Data Cloud
- Snowflake is now officially in Thailand – CRN Asia
- Thailand – Digital Economy – International Trade Administration
- Market Analysis: Bangkok’s Rise as Southeast Asia’s Next Data Centre Hub
- Thailand Cloud Service Market Size, Share, Trends & Forecast – Pheonix Research


