ไทยเข้มงวดการตรวจคนเข้าเมืองแบบวีซ่าทัวร์ ~สตม.กำหนดกฎใหม่ เข้าเมืองเกิน2ครั้งต้องชี้แจงเหตุผล~

ไทยเข้มงวดการตรวจคนเข้าเมืองแบบวีซ่าทัวร์ ~สตม.กำหนดกฎใหม่ เข้าเมืองเกิน2ครั้งต้องชี้แจงเหตุผล~ Nomad
Nomad

เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2025 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไทย (สตม.) เข้มงวดการเฝ้าระวังพฤติกรรม “วีซ่าทัวร์” ซึ่งเป็นการเข้าออกประเทศบ่อยครั้งโดยใช้สิทธิ์ยกเว้นวีซ่า หากผู้เดินทางเข้าเมืองเกิน2ครั้งและชี้แจงเหตุผลที่เหมาะสมไม่ได้ สตม.จะปฏิเสธการเข้าเมือง ตั้งแต่ต้นปี 2025 จนถึงปัจจุบัน มีผู้ถูกปฏิเสธการเข้าเมืองแล้วประมาณ2,900คน การประกาศในเดือนพฤศจิกายนแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของรัฐบาล รัฐบาลจะบังคับใช้มาตรการนี้อย่างเคร่งครัดในทุกด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ

พื้นหลังของการเข้มงวดการตรวจวีซ่าทัวร์

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2025 ผู้บัญชาการ สตม. พล.ต.ต.พานุมาส บุญญาลักษณ์ ประกาศการเข้มงวดการตรวจวีซ่าทัวร์ การประกาศนี้เป็นไปตามคำสั่งของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี สาเหตุโดยตรงที่นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่แม่สอดเมื่อปลายเดือนตุลาคม

เมื่อกองทัพเมียนมาเข้าปราบปรามฐานกลุ่มฉ้อโกงขนาดใหญ่ในเมืองเมียวดี มีชาวต่างชาติจากหลากหลายสัญชาติประมาณ1,440คนพยายามลักลอบเข้ามาในฝั่งไทย ผู้ถูกควบคุมตัวมาจากหลายสัญชาติ ได้แก่ อินเดีย ประเทศในแอฟริกา ฟิลิปปินส์ และจีน เหตุการณ์นี้กลายเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติอย่างร้ายแรง

นายอนุทินกำหนดให้เหตุการณ์นี้เป็น “สงครามกับอาชญากรรมไซเบอร์” รัฐบาลตระหนักว่าช่องว่างของระบบยกเว้นวีซ่ากลายเป็นช่องทางให้อาชญากรหลบซ่อนตัว อาชญากรเหล่านี้ทำธุรกิจฉ้อโกงออนไลน์ ค้ามนุษย์ และฟอกเงิน

มาตรการหลัก4ประการ

นโยบายใหม่ที่ สตม. ประกาศประกอบไปด้วย4เสาหลัก

ประการแรก สตม. จะเข้มงวดการตรวจสอบผู้ที่มีพฤติกรรม “วีซ่าทัวร์” กล่าวคือผู้ที่เข้าออกประเทศบ่อยครั้งด้วยสิทธิ์ยกเว้นวีซ่า ประการที่สอง สตม. จะป้องกันการเข้าเมืองของบุคคลที่อยู่ในบัญชีเฝ้าระวังในพื้นที่ชายแดน เช่น แม่สอด ประการที่สาม สตม. จะเข้มงวดการพิจารณาการขอต่ออายุการพำนักภายในประเทศ หากพบพฤติกรรมน่าสงสัย สตม. จะยกเลิกวีซ่าพร้อมส่งกลับ ประการที่สี่ สตม. จะเข้มงวดการจับกุมชาวต่างชาติที่พำนักเกินกำหนด

มาตรการเหล่านี้สร้างแนวกั้นทั้งจากด้านการ “เข้าเมือง” ที่ชายแดน และการ “ต่ออายุ” ภายในประเทศ รัฐบาลต้องการปิดช่องว่างของระบบยกเว้นวีซ่า

ความหมายที่แท้จริงของ “เกิน3ครั้ง”

เกณฑ์ “วีซ่าทัวร์เกิน3ครั้งจะถูกปฏิเสธการเข้าเมือง” ระบุในประกาศภาษาไทยอย่างเป็นทางการว่า “ผู้ที่ใช้สิทธิ์ยกเว้นวีซ่าเข้าเมืองเกิน2รอบ” ซึ่งไม่ได้หมายความว่า “2ครั้งปลอดภัย”

หากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองพิจารณาว่าวัตถุประสงค์ของการเดินทาง “ผิดปกติจากนักท่องเที่ยวทั่วไป” ผู้เดินทางจะถูกปฏิเสธการเข้าเมืองเมื่อพยายามเข้าเมืองครั้งที่3หรือครั้งต่อๆไป ผู้ที่ถูกปฏิเสธการเข้าเมืองจะถูกแนะนำให้ไปขอวีซ่าที่เหมาะสม เช่น วีซ่าธุรกิจ วีซ่าเกษียณ วีซ่าศึกษา หรือ DTV ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่

ตั้งแต่ต้นปี 2025 จนถึงเดือนพฤศจิกายน มีผู้ถูกปฏิเสธการเข้าเมืองประมาณ2,900คน ส่วนใหญ่อยู่ที่สนามบินนานาชาติในไทย ตัวเลขนี้ไม่ได้เป็นจำนวนที่ถูกปฏิเสธ “ใหม่” จากการประกาศนโยบายในเดือนพฤศจิกายน แต่เป็นหลักฐานที่แสดงว่า สตม. เริ่มเข้มงวดตลอดทั้งปีแล้ว การประกาศในเดือนพฤศจิกายนเป็นการยืนยันการดำเนินการนี้เป็นนโยบายระดับชาติอย่างเป็นทางการ รัฐบาลสั่งให้บังคับใช้อย่างเคร่งครัดในทุกด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ

กฎใหม่เกี่ยวกับการต่ออายุการพำนักในประเทศ

เกือบพร้อมกับการเข้มงวดวีซ่าทัวร์ รัฐบาลบังคับใช้กฎใหม่เกี่ยวกับการ “ต่ออายุ” วีซ่าภายในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2025 ชาวต่างชาติที่เข้าเมืองด้วยสิทธิ์ยกเว้นวีซ่าหรือวีซ่านักท่องเที่ยวสามารถขอต่ออายุการพำนักได้เพียง2ครั้งต่อปีปฏิทิน

การต่ออายุครั้งที่1จะได้รับอนุญาตให้พำนัก30วันเหมือนเดิม แต่การต่ออายุครั้งที่2จะได้รับอนุญาตเพียง7วันเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ การพำนักระยะยาวโดยใช้ช่องว่างของระบบยกเว้นวีซ่าจึงเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป

ความขัดแย้งกับการส่งเสริมการท่องเที่ยว

การเข้มงวดครั้งนี้สร้างความ “ขัดแย้ง” เผิน ๆ กับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล ตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นมา รัฐบาลไทยขยายประเทศที่ได้รับสิทธิ์ยกเว้นวีซ่าเป็น93ประเทศ รัฐบาลขยายระยะเวลาการพำนักเป็น60วัน รัฐบาลยังเปิดตัว DTV เพื่อรองรับผู้ทำงานระยะไกลอย่างถูกกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม การ “เปิดกว้าง” และ “เข้มงวด” นี้ไม่ได้ขัดแย้งกัน ตรรกะของรัฐบาลชัดเจน “นักท่องเที่ยวที่ถูกต้องตามกฎหมายไม่จำเป็นต้องทำวีซ่าทัวร์ ผู้ที่ทำวีซ่าทัวร์ซ้ำ ๆ ไม่ใช่นักท่องเที่ยว แต่เป็นผู้ทำงานผิดกฎหมาย หรืออาชญากร หรือผู้ที่ควรจะขอวีซ่าที่เหมาะสม”

รัฐบาลกำลังดำเนินกลยุทธ์คัดกรองโดยดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง และกำจัดผู้พำนักที่ไม่พึงประสงค์ในเวลาเดียวกัน

ผลกระทบต่อดิจิทัลโนแมด

สำหรับดิจิทัลโนแมดและผู้ทำงานระยะไกล มาตรการนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ กลุ่มที่ทำกิจกรรมในพื้นที่สีเทาด้วยการทำ “60วัน+ต่อ30วัน” ซ้ำ ๆ ด้วยสิทธิ์ยกเว้นวีซ่า หรือ “วีซ่าศึกษาปลอม” ราคาถูก กลุ่มนี้จะถูกบังคับให้ย้ายไปใช้วีซ่าถูกกฎหมาย

รัฐบาลใช้ “แส้” แต่ก็เตรียม “แครอท” ไว้อย่างชัดเจน นั่นคือ DTV (Destination Thailand Visa) ที่เปิดตัวในปี 2024 DTV เป็นวีซ่าเข้าออกได้หลายครั้งระยะเวลา5ปี DTV อนุญาตให้พำนักได้180วันต่อครั้ง (ต่อได้) DTV ยังสามารถทำงานระยะไกลได้อย่างถูกกฎหมาย

สำหรับดิจิทัลโนแมดที่มีวีซ่าถูกกฎหมาย เช่น DTV ไม่มีผลกระทบจากการเข้มงวดครั้งนี้

แนวโน้มในอนาคต

การเข้มงวดครั้งนี้คาดว่าจะสามารถยับยั้งกิจกรรมของเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่ใช้ไทยเป็นฐาน โดยเฉพาะมาตรการนี้จะทำให้กิจกรรมขององค์กรอาชญากรรมตามแนวชายแดนแม่สอด-เมียวดี และชายแดนกัมพูชายากลำบากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัญหาที่เหลืออยู่ ประวัติศาสตร์ในอดีตแสดงให้เห็นว่านโยบายตรวจคนเข้าเมืองของไทยมีการเปลี่ยนแปลงเป็นวัฏจักร มีความเป็นไปได้ว่าการ “เข้มงวด” ในปัจจุบันจะกลายเป็น “ผ่อนปรน” อีกครั้งในอนาคต นี่อาจเกิดจากการต่อต้านของภาคเศรษฐกิจที่มีอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นศูนย์กลาง หรืออาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล

นอกจากนี้ การตัดสินใจปฏิเสธการเข้าเมืองขั้นสุดท้ายขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่เป็นส่วนใหญ่ ความไม่โปร่งใสนี้มีความเสี่ยงต่อการบังคับใช้ที่ไม่เป็นธรรม

การเข้มงวดวีซ่าทัวร์ในเดือนพฤศจิกายน 2025 เป็นจุดเปลี่ยนในนโยบายการรับชาวต่างชาติของไทย รัฐบาลแสดงเจตนารมณ์ในการกำจัดพื้นที่สีเทาที่เรียกว่า “การพำนักจริง ๆ” โดยใช้ช่องว่างของระบบยกเว้นวีซ่า รัฐบาลต้องการแบ่งแยกชาวต่างชาติที่พำนักอย่างชัดเจนเป็น “นักท่องเที่ยวระยะสั้น” หรือ “ผู้ถือวีซ่าถูกกฎหมาย” ยุคของการพำนักระยะยาวแบบหลวม ๆ ที่พึ่งพาวีซ่าทัวร์ได้สิ้นสุดลงในเดือนพฤศจิกายน 2025

บทความอ้างอิง