AWS เปิดตัวโมเดล AI พื้นฐาน “Amazon Nova 2” ที่พัฒนาขึ้นเอง ด้วยประสิทธิภาพต้นทุนที่โดดเด่นจากชิปเซมิคอนดักเตอร์ของตัวเองและฟีเจอร์ AI Agent ที่ทำงานอัตโนมัติบนเบราว์เซอร์ จึงนำเสนอทางเลือกใหม่สำหรับการใช้งาน AI ของบริษัทต่างๆ
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2025 ที่งาน “AWS re:Invent 2025” ซึ่งจัดขึ้นที่ลาสเวกัส Amazon Web Services (AWS) ได้เปิดตัวโมเดลพื้นฐานรุ่นใหม่ “Amazon Nova 2” Family Nova Series เพิ่งเปิดตัวรุ่นแรกเมื่อปลายปี 2024 แต่พัฒนาเป็นโมเดลรุ่นถัดไปในเวลาเพียง 1 ปี การเปิดตัวครั้งนี้แสดงให้เห็นท่าทีที่ชัดเจนของ AWS AWS เปลี่ยนจากกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการโฮสต์โมเดลของบริษัทอื่น ไปสู่การสร้างระบบนิเวศที่มีการรวมแนวตั้ง (Vertical Integration) โดยใช้โมเดลที่พัฒนาเอง
คุณสมบัติของ Nova 2 Family
Nova 2 Family ประกอบด้วย 4 โมเดลตามวัตถุประสงค์การใช้งาน
Nova 2 Lite เป็นโมเดลสำหรับงานธุรกิจประจำวัน สามารถรับข้อมูลเป็นข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และเอกสารได้ มี Context Window ขนาด 1 ล้าน Token ราคาอยู่ที่ 0.06 ดอลลาร์ต่อ 1 ล้าน Token สำหรับ Input และ 0.24 ดอลลาร์สำหรับ Output ซึ่งถูกกว่าโมเดลคู่แข่งประมาณ 56%
Nova 2 Pro ได้รับการปรับให้เหมาะสมกับงานที่ต้องการการใช้เหตุผลระดับสูง เหมาะสำหรับการเขียนโค้ดที่ซับซ้อน การวิเคราะห์เอกสารทางกฎหมาย และการวางแผนระยะยาว ปัจจุบันให้บริการในรูปแบบ Preview Version
Nova 2 Omni เป็นโมเดลที่รองรับ Multimodal ทั้ง Input และ Output สามารถรับข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และเสียง และสามารถแสดงผลเป็นข้อความและรูปภาพได้
Nova 2 Sonic เป็นโมเดลเฉพาะทางสำหรับการสนทนาด้วยเสียง เข้าใจข้อมูลเสียงโดยตรงและสร้างเสียงได้ จึงสามารถตอบสนองได้เร็วเหมือนมนุษย์ รองรับหลายภาษาคือ ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน สเปน โปรตุเกส และฮินดี
ความสามารถในการแข่งขันจากเซมิคอนดักเตอร์ของตัวเอง
แหล่งที่มาของความสามารถในการแข่งขันของ Nova คือ AI Chip ของตัวเอง “Trainium 3” เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน มี Throughput เพิ่มขึ้น 3 เท่าต่อชิป และความเร็วในการตอบสนองเพิ่มขึ้น 4 เท่า สามารถลดเวลา Training ของโมเดลได้อย่างมาก
การจัดหา GPU ของ NVIDIA ทำได้ยาก และราคาสูง จึงเพิ่มต้นทุนการพัฒนา AWS จึงใช้ Trainium ที่ออกแบบเองและชิปเฉพาะทาง “Inferentia” สำหรับ Inference เพื่อลดต้นทุนฮาร์ดแวร์ ด้วยการรวมแนวตั้ง (Vertical Integration) นี้ AWS จึงสร้างโครงสร้างที่สามารถนำเสนอโมเดล Nova ในราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งได้
การพัฒนาโมเดลเฉพาะด้วย Nova Forge
AWS ยังได้เปิดตัว “Amazon Nova Forge” ด้วย นี่คือกลไกที่บริษัทสามารถใช้ข้อมูลของตัวเองเพื่อปรับแต่งโมเดล Nova ได้
โดยปกติ โมเดลเช่น GPT-4 เป็น Black Box ที่สามารถใช้งานผ่าน API หรือทำ Fine-tuning แบบจำกัดเท่านั้น Nova Forge ให้การเข้าถึง Checkpoint 3 ระดับคือ Pre-training Stage, Mid-training Stage และ Post-training Stage ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงสามารถใช้ข้อมูลของตัวเองและเข้าไปแทรกแซงกระบวนการ Training ของโมเดลได้
โมเดลที่สร้างขึ้นจากกระบวนการนี้เรียกว่า “Novella” คงความสามารถในการใช้เหตุผลของโมเดล Nova ทั่วไป พร้อมกับได้รับพฤติกรรมเหมือนผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางของบริษัท
Nova Act: ทำงานอัตโนมัติบนเบราว์เซอร์
สิ่งที่คาดว่าจะมีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในอนาคตมากที่สุดคือ “Amazon Nova Act” นี่คือบริการที่ AI Agent สามารถควบคุม UI บนเบราว์เซอร์และทำงานเหมือนมนุษย์
RPA และ AI Agent แบบเดิมมีความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงการออกแบบเว็บไซต์หรือป๊อปอัพที่ไม่คาดคิด ความน่าเชื่อถือจึงต่ำ Nova Act แก้ปัญหานี้ด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ “Web Gyms” ที่จำลอง Interaction ของเว็บไซต์หลายล้านครั้ง และทำ Reinforcement Learning ในสภาพแวดล้อมสังเคราะห์นี้ ผลลัพธ์คือ Agent ของ Nova Act สามารถทำงาน UI ให้สำเร็จด้วยความน่าเชื่อถือ “มากกว่า 90%”
ตัวอย่างการใช้งานในโลกจริง Sola Systems ทำงานธุรกิจอัตโนมัติหลายแสน Workflow ต่อเดือน เช่น การอัพเดทบันทึกทางการแพทย์ การจับคู่การชำระเงิน และการปรับเปลี่ยนการจัดส่ง 1Password สร้าง Agent ที่ทำการล็อกอินแทนผู้ใช้ เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์ที่แตกต่างกันหลายร้อยแห่ง และป้อนข้อมูลการยืนยันตัวตนที่เหมาะสม
การเปรียบเทียบกับคู่แข่ง
จากการสำรวจ Benchmark อิสระโดย FloTorch พบว่า Nova Pro เมื่อเทียบกับ GPT-4o มีความเร็วในการประมวลผลสูงกว่า 97% และประสิทธิภาพต้นทุนดีกว่ามากกว่า 65% คุณสมบัติ “ความแม่นยำพอใช้ แต่เร็วและถูกอย่างท่วมท้น” นี้เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับบริษัทที่ต้องการย้าย AI จากการทดลองไปสู่ระบบหลักทั่วทั้งบริษัท
ผลกระทบต่อบริษัทต่างๆ
ด้วยการเปิดตัว Nova 2 บริษัทต่างๆ สามารถใช้งานโมเดล AI ประสิทธิภาพสูงเหล่านี้ในต้นทุนต่ำผ่าน Amazon Bedrock
ฟีเจอร์การพัฒนาโมเดลเฉพาะด้วย Nova Forge เป็นทางเลือกสำคัญสำหรับบริษัทที่ต้องการสร้าง AI ที่เข้าใจบริบทเฉพาะของอุตสาหกรรม สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองและเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน
การทำงานอัตโนมัติด้วย Nova Act มีความเป็นไปได้ที่จะทดแทนงานประจำโดยตรง เช่น การป้อนข้อมูล การประมวลผลใบแจ้งหนี้ และการจัดการการจอง งานที่มนุษย์ทำด้วยมือจนถึงตอนนี้จะถูกแทนที่ด้วย AI Agent บนคลาวด์ คาดว่าจะลดต้นทุนได้มาก แต่ในขณะเดียวกันอาจส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในตำแหน่งธุรการและผู้ปฏิบัติการ
แนวโน้มในอนาคต
การเปิดตัว Amazon Nova แสดงให้เห็นท่าทีที่ชัดเจนของ AWS ในการผลักดันโมเดลที่พัฒนาเองอย่างจริงจังในตลาด Generative AI AWS ใช้การรวมแนวตั้ง (Vertical Integration) จากเซมิคอนดักเตอร์ของตัวเอง จึงบรรลุ Price-Performance Ratio ที่คู่แข่งไม่สามารถตามได้
BKK IT News คาดหวังว่าบริษัทต่างๆ จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน ในขณะเดียวกัน การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการจ้างงานและความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่มาพร้อมกับวิวัฒนาการของ AI นั้นสำคัญ ช่องว่างความสามารถในการแข่งขันระหว่างบริษัทที่สามารถใช้ AI และไม่สามารถใช้ได้อาจกว้างขึ้น จึงจำเป็นต้องริเริ่มตั้งแต่เนิ่นๆ
บทความอ้างอิง
- AWS re:Invent 2025: Live updates on new AI innovations and more
- Benchmarking Amazon Nova and GPT-4o models with FloTorch
- Introducing Amazon Nova, our new generation of foundation models
- What is Amazon Nova? – Amazon Nova – AWS Documentation
- Meet new Amazon Nova AI models that help build highly reliable AI agents


