การรวมระบบการชำระเงินข้ามพรมแดนในภูมิภาคอาเซียนกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว PromptPay ของไทยได้เชื่อมต่อกับ 8 ประเทศรวมถึงญี่ปุ่น กลายเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายการชำระเงินในภูมิภาค เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม QRIS ของอินโดนีเซียเริ่มให้บริการในญี่ปุ่น ทำให้โครงการ ASEAN Regional Payment Connectivity (RPC) เข้าสู่ขั้นตอนใหม่ การรวมระบบการชำระเงินนี้นำมาซึ่งโอกาสใหญ่สำหรับธุรกิจไทย
ความได้เปรียบของเครือข่ายการชำระเงินที่ไทยสร้าง
PromptPay ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้นำเป็นแรงขับเคลื่อนการรวมระบบการชำระเงินในอาเซียน ปัจจุบันเชื่อมต่อกับญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ลาว ฮ่องกง และกัมพูชา กลายเป็นแพลตฟอร์มที่มีการเชื่อมต่อกับหลากหลายประเทศมากที่สุด
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ธนาคารกลางอินโดนีเซียเริ่มให้บริการ QRIS ข้ามพรมแดนในญี่ปุ่น เริ่มต้นกับร้านค้า 35 แห่งในญี่ปุ่น แต่มีแผนขยายต่อไปอย่างต่อเนื่อง กัมพูชาก็เริ่มให้บริการการชำระเงินในญี่ปุ่นในช่วงเวลาเดียวกัน แสดงให้เห็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ของอาเซียนเพื่อเข้าถึงตลาดญี่ปุ่น
ระบบทำงานง่ายมาก นักท่องเที่ยวจากแต่ละประเทศใช้แอปมือถือที่คุ้นเคยสแกน QR Code ของประเทศปลายทางเพื่อชำระเงิน นักท่องเที่ยวที่ใช้ PromptPay ของไทยก็สามารถรับประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่นในประเทศเชื่อมต่อด้วยเช่นกัน
ผลกระทบของการรวมระบบการชำระเงินในอาเซียน
ผลของเครือข่ายนี้ปรากฏในตัวเลข จำนวนการใช้งานจากนักท่องเที่ยวมาเลเซีย ลาว อินโดนีเซีย และประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้น ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเรื่องการแลกเงินหรือค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตสูง สามารถชำระเงินด้วยแอปของประเทศตนเองได้โดยตรง
สิ่งนี้สำคัญมากสำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็ก แผงลอยเท้า ตลาดนัด ร้านค้าขนาดเล็กที่เคยไม่สามารถรับเครื่องรับบัตรเครดิตได้ ตอนนี้สามารถรับการชำระเงินดิจิทัลจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ รายได้จากการท่องเที่ยวไม่รวมกันเฉพาะบริษัทใหญ่ แต่กระจายไปถึงเศรษฐกิจท้องถิ่น
ไทยมีบทบาทสำคัญในการรวมระบบการชำระเงินนี้ ในปี 2021 ไทยเป็นประเทศแรกของโลกที่เชื่อมต่อระบบการชำระเงินทันทีกับสิงคโปร์ หลังจากนั้นขยายเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเป็นแพลตฟอร์มที่มีการเชื่อมต่อการชำระเงินครอบคลุมมากที่สุดในภูมิภาค
โอกาสใหม่สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม
การรวมระบบการชำระเงินในอาเซียนลดอุปสรรคการเข้าสู่ธุรกิจข้ามพรมแดนสำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสูงหรือผ่านขั้นตอนซับซ้อน สามารถรับเงินจากการขายออนไลน์ให้ลูกค้าในอาเซียนและญี่ปุ่นได้ทันทีและราคาถูก
ผู้ประกอบการขนาดเล็กที่เคยมีเงินทุนหมุนเวียนจำกัด ตอนนี้ความสามารถในการทำกำไรและการจัดการกระแสเงินสดดีขึ้นโดยตรง นอกจากนี้ ประวัติการทำธุรกรรมผ่านการชำระเงินดิจิทัลทำหน้าที่เป็น “ข้อมูลทางเลือก” แทนหลักประกันแบบเดิม
สถาบันการเงินใช้ข้อมูลนี้ประเมินความน่าเชื่อถือและตัดสินใจอนุมัติสินเชื่อ ผู้ประกอบการขนาดเล็กที่เคยเข้าถึงสินเชื่อธนาคารยาก ตอนนี้มีโอกาสรับบริการทางการเงินอย่างเป็นทางการมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอุตสาหกรรมการเงิน
แหล่งรายได้แบบเดิมของธนาคาร เช่น ค่าธรรมเนียมการโอนเงินส่วนบุคคลและการแลกเปลี่ยนเงินตรา ได้รับผลกระทบจากการแพร่หลายของ QR Payment ราคาถูก การแข่งขันระหว่างธนาคารขนาดใหญ่และบริษัทฟินเทครุนแรงขึ้น
ธนาคารถูกบังคับให้หลุดจากโมเดลธุรกิจที่พึ่งพาค่าธรรมเนียมการชำระเงินเพียงอย่างเดียว ต่อไปต้องพัฒนาบริการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับร้านค้า โซลูชันสินเชื่อทันที เครื่องมือจัดการเงินสดขั้นสูง และบริการเพิ่มมูลค่าอื่นๆ
การรวมฟังก์ชันการชำระเงินในภูมิภาคทำให้ตำแหน่ง “Super App” ที่ให้บริการอีคอมเมิร์ซ แอปเรียกรถ ฟู้ดเดลิเวอรี และบริการต่างๆ ในแอปเดียวแข็งแกร่งขึ้น
อนาคตที่โครงการ Nexus วาดไว้
โมเดลการเชื่อมต่อแบบสองฝ่ายปัจจุบันมีข้อจำกัด เมื่อเครือข่ายขยายใหญ่ขึ้น จำนวนการเชื่อมต่อเพิ่มขึ้นแบบเลขยกกำลัง ทำให้ไม่มีประสิทธิภาพ
เพื่อแก้ปัญหานี้ ธนาคารการชำระเงินระหว่างประเทศ (BIS) ส่งเสริม “โครงการ Nexus” ระบบ “Hub & Spoke” ที่เชื่อมต่อระบบการชำระเงินทันทีของแต่ละประเทศเข้ากับแพลตฟอร์มกลาง เป้าหมายคือ “เชื่อมต่อครั้งเดียว เข้าถึงทุกประเทศในเครือข่าย”
เมื่อเดือนเมษายน 2025 มีการจัดตั้งองค์กรดำเนินงาน “Nexus Scheme Organisation” ที่สิงคโปร์ แสดงว่าโครงการผ่านขั้นตอนพิสูจน์แนวคิดแล้ว เข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินงานจริง
มาตรการที่ธุรกิจควรดำเนินการ
เพื่อใช้ประโยชน์จากการปฏิวัติการชำระเงินนี้ ธุรกิจต้องลงมือดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม
ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวควรนำ QR Code Payment มาใช้อย่างจริงจัง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากอาเซียนที่ชอบดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดเล็ก การขยายโอกาสขายให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นสิ่งสำคัญ
ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมใช้ประโยชน์จากการชำระเงินราคาถูก ควรพิจารณาขยายอีคอมเมิร์ซสู่ตลาดอาเซียน การทำธุรกิจข้ามพรมแดนที่เคยเข้าไปยาก ตอนนี้ง่ายขึ้นมาก
สถาบันการเงินวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าที่ได้จากการชำระเงิน นำไปปรับปรุงสินค้าและบริการ เพื่อเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าและความสามารถในการทำกำไร
BKK IT News คาดว่าการรวมระบบการชำระเงินนี้จะเร่งตัวต่อไป สำหรับธุรกิจไทย โอกาสเข้าสู่ตลาดอาเซียนเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่การแข่งขันก็รุนแรงขึ้น การเตรียมตัวตั้งแต่เนื่อนๆ จะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน