ผู้ประกอบการศูนย์ข้อมูล Etix Everywhere ขยายการลงทุนในไทยอย่างมาก บริษัทจะลงทุน 220 ล้านยูโร (ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท) เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลแห่งที่สอง “ETIX BKK#2” ในกรุงเทพมหานคร เพื่อตอบสนองความต้องการ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยนี้มีกำลังการคำนวณ IT ขนาด 23 เมกะวัตต์ (MW)
ความเป็นมาของความต้องการที่เพิ่มขึ้น
การเข้ามาของ Etix ในไทยเริ่มต้นในปี 2022 ในตอนแรกเป็นกิจการร่วมทุนกับผู้ประกอบการโทรคมนาคมในประเทศ โดยซื้อศูนย์ข้อมูล Genesis ในเขตบางนา และเปลี่ยนชื่อเป็น “ETIX Bangkok #1”
ในช่วงปลายปี 2024 สถานการณ์ตลาดเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เกิดสถานการณ์ที่ไม่ปกติ คือ กำลังการรองรับที่คาดว่าจะใช้เวลา 3 ปีหมดไปในเวลาเพียง 3 เดือน ความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้มาจากผู้ประกอบการคลาวด์ระหว่างประเทศและบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่ต้องการพื้นที่ colocation ขนาดใหญ่
จากสถานการณ์นี้ Etix จึงซื้อหุ้นจากพันธมิตรร่วมทุนทั้งหมดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 ด้วยการลงทุน 1 หมื่นล้านบาท (ประมาณ 27 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อให้สามารถตัดสินใจและลงทุนขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว
รายละเอียดโครงสร้างพื้นฐานเฉพาะสำหรับ AI
ETIX BKK#2 มีการออกแบบเฉพาะสำหรับ AI ที่แตกต่างจากศูนย์ข้อมูลแบบเดิม เพื่อรองรับงานประมวลผลที่ใช้ GPU (หน่วยประมวลผลกราฟิก) มาก สามารถรองรับความหนาแน่นของพลังงานสูงสุด 200 กิโลวัตต์ (kW) ต่อ rack
เมื่อเทียบกับ BKK#1 ที่รองรับได้สูงสุด 20 kW ต่อ rack ความหนาแน่นเพิ่มขึ้น 10 เท่า เพื่อรองรับความหนาแน่นสูงนี้ จึงใช้ระบบระบายความร้อนขั้นสูงทั้งการระบายความร้อนด้วยอากาศ ของเหลว และการจุ่มในของเหลวเพื่อระบายความร้อน
อาคารมีพื้นที่รวม 16,000 ตารางเมตร ใช้โครงสร้างพื้นที่แข็งแรงซึ่งรองรับน้ำหนักได้สูงสุด 3 ตันต่อตารางเมตร เพื่อรองรับการติดตั้งฮาร์ดแวร์ AI ที่มีน้ำหนักมาก
การดำเนินงานด้านความยั่งยืน
Etix ให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ETIX BKK#2 ตั้งเป้าหมาย PUE (ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน) ต่ำกว่า 1.4 ซึ่งเป็นการรักษาระดับที่ดีเยี่ยมของ BKK#1 ที่ 1.35 และยังมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้น
บริษัทตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนว่าภายในปี 2025 จะใช้พลังงานหมุนเวียน 100% สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดในไทย BKK#1 ได้ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 830 กิโลวัตต์พีค (kWp) บนหลังคาแล้ว นอกจากนี้ยังมีสัญญา 3 ปีในการซื้อไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพที่ได้รับการรับรอง
ETIX BKK#2 มีแผนนำระบบเก็บพลังงานแบตเตอรี่ (BESS) มาใช้ BESS จะทำงานร่วมกับพลังงานหมุนเวียนที่มีการผลิตแบบผันแปร เพื่อให้การจ่ายไฟฟ้าที่เสถียร
การสนับสนุนเชิงกลยุทธ์ของรัฐบาลไทย
การลงทุนครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้นจากกลยุทธ์ของรัฐบาลไทยที่มีความชาญฉลาด วิสัยทัศน์ “ไทยแลนด์ 4.0” และแผนพัฒนา “ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)” เป็นรากฐานนโยบายที่ดึงดูดการลงทุนศูนย์ข้อมูล
คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ให้แรงจูงใจที่น่าสนใจแก่นักลงทุนต่างชาติ ทั้งการลดความซับซ้อนของขั้นตอน การปรับใช้อัตราส่วนการถือหุ้นของชาวต่างชาติอย่างยืดหยุ่น และการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าและโทรคมนาคมที่ได้รับอนุมัติล่วงหน้า BOI ได้อนุมัติโครงการศูนย์ข้อมูลรวมมูลค่ากว่า 2.85 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
รัฐบาลยังลงทุนอย่างจริงจังในด้าน AI คณะกรรมการปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติของไทยอนุมัติงบประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาทสำหรับการพัฒนา AI ในปี 2026 และ 2027 รวมทั้งเงินทุนสำหรับการพัฒนาบุคลากรและการจัดตั้งศูนย์วิจัย AI แสดงเจตจำนงที่แข็งแกร่งในการพัฒนาระบบนิเวศ AI ภายในประเทศ
การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
ตลาดศูนย์ข้อมูลของไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว ขนาดตลาดคาดว่าจะเติบโตจาก 1.56 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2024 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 12.6% และจะถึง 3.19 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2030
ผู้นำในประเทศอย่าง True IDC ร่วมมือกับ GIP ภายใต้ BlackRock ลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐเพื่อจัดตั้ง “ศูนย์ข้อมูล AI Hyperscale แห่งแรกของไทย” STT GDC จากสิงคโปร์กำลังสร้าง “STT Bangkok 2” (24 MW) ที่รองรับ AI และระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว
AWS, Google, Microsoft, Equinix, GDS Services และผู้ประกอบการ hyperscaler และเฉพาะทางระดับโลกอื่น ๆ ได้ประกาศเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง การแข่งขันจะรุนแรงมากขึ้นในอนาคต
ผลกระทบต่อธุรกิจและโอกาส
การลงทุนนี้จะนำจุดเปลี่ยนที่สำคัญมาสู่เศรษฐกิจดิจิทัลของไทย การจัดตั้งศูนย์ข้อมูล hyperscale ภายในประเทศจะเร่งการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลของธุรกิจ
โดยเฉพาะในภาคการผลิต การใช้เทคโนโลยี AI และ big data จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและความสามารถในการแข่งขัน ภาคการเงินจะสามารถพัฒนาบริการ fintech ขั้นสูงได้ด้วยการเข้าถึงที่มีความล่าช้าต่ำ
อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทาย การขาดแคลนบุคลากรเฉพาะทางเป็นปัญหาร้ายแรง ในพื้นที่ที่มีการสร้าง hyperscale campus อย่าง EEC ความต้องการงานเฉพาะทางเพิ่มขึ้น “ในชั่วข้ามคืน” แต่โครงสร้างพื้นฐานด้านการศึกษาในพื้นที่ยังตามไม่ทัน
การตอบสนองเชิงกลยุทธ์
ธุรกิจควรพิจารณาประเด็นต่อไปนี้ ประการแรก ทบทวนความเป็นไปได้ในการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ และสำรวจโอกาสในการปฏิวัติโมเดลธุรกิจด้วยการใช้ศูนย์ข้อมูล ประการที่สอง ต้องเร่งการลงทุนในการจัดหาและพัฒนาบุคลากรเฉพาะทาง ประการสุดท้าย ควรพิจารณาการได้รับประโยชน์ในการแข่งขันจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลไม่ใช่เพียงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ แต่เป็นรากฐานสำหรับการสร้างบริการและโมเดลธุรกิจใหม่ สำหรับธุรกิจไทย นี่คือโอกาสที่มีค่าในการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันระหว่างประเทศ
ลิงก์บทความอ้างอิง
- Etix launches second data centre facility – Bangkok Post
- ETIX เปิดดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่สอง ETIX BKK#2 รับกระแส AI ในไทย – Post Today
- ETIX BKK#2 หมุดหมายใหม่ศูนย์ข้อมูลไทย ทุนสร้าง 7 พันล้านบาท – Manager Online
- Thailand Data Center Market Growth Report 2025-2030 – Business Wire
- B25 billion approved for AI development – Bangkok Post