Microsoft กำลังสร้างดาต้าเซนเตอร์ขนาดใหญ่ในไทย ~พัฒนาบุคลากร AI 100,000 คนเพื่อนำการเปลี่ยนแปลงดิจิทัล

Microsoft กำลังสร้างดาต้าเซนเตอร์ขนาดใหญ่ในไทย ~พัฒนาบุคลากร AI 100,000 คนเพื่อนำการเปลี่ยนแปลงดิจิทัล Cloud
Cloud

Microsoft เริ่มขับเคลื่อนแผนการลงทุนในไทยอย่างจริงจัง ข้อมูลล่าสุดเดือนกันยายน 2025 เผยให้เห็นว่าบริษัทกำลังลงทุนประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสร้างดาต้าเซนเตอร์ 3 แห่งในไทย นี่คือการนำแนวคิดการสร้าง Azure Region แห่งแรกในไทยที่ประกาศในเดือนพฤษภาคม 2024 มาสู่การปฏิบัติจริง และจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการแข่งขันด้านคลาวด์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ดานวัฒน์ สุธรรมพันธ์ ผู้อำนวยการจัดการของ Microsoft (ประเทศไทย) ยืนยันว่า “เราจะดำเนินการลงทุนในไทยผ่านดาต้าเซนเตอร์ท้องถิ่น 3 แห่ง และจะมุ่งเน้นการพัฒนาองค์กรไทยให้เป็น Frontier Firm ในปี 2026” การประกาศนี้ทำให้การแข่งขันสามขั้วระหว่าง Microsoft, AWS และ Google Cloud รุนแรงขึ้น และเร่งให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตามกลยุทธ์ของรัฐบาล

กลยุทธ์การลงทุนแบบองค์รวมของ Microsoft

Microsoft กำลังลงทุนประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสร้าง Azure Data Center Region ใหม่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) นี่ไม่ใช่เพียงแค่โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ดานวัฒน์ สุธรรมพันธ์ ผู้อำนวยการจัดการของ Microsoft (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เราจะดำเนินการลงทุนในไทยผ่านดาต้าเซนเตอร์ท้องถิ่น 3 แห่ง” และเน้นที่การพัฒนาองค์กรไทยให้เป็น “Frontier Firm” ในปี 2026

การลงทุนไม่ได้จำกัดอยู่แค่โครงสร้างพื้นฐาน Microsoft มุ่งหมายที่จะให้โอกาสพัฒนาทักษะ AI แก่คนไทยกว่า 100,000 คน นี่เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นที่กว้างขึ้นในการฝึกอบรมคน 2.5 ล้านคนในประเทศสมาชิก ASEAN ภายในปี 2025

โปรแกรมการพัฒนาบุคลากรมีเนื้อหาที่เฉพาะเจาะจงและใช้งานได้จริง “THAI Academy” ตั้งเป้าหมายให้การรับรองทักษะ AI ระดับอุตสาหกรรมผ่านพอร์ทัล AI Skills Navigator ถึง 300,000 ใบรับรอง โปรแกรม “AI Skills สำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ใช้ AI” สนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในภาคการท่องเที่ยวทั้ง 5 ภูมิภาคของไทย โครงการ “AI Odyssey” มุ่งหมายสร้างผู้เชี่ยวชาญ AI โดยการให้การรับรอง Microsoft แก่นักพัฒนาไทย 6,000 คน

ดานวัฒน์กล่าวว่า “ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ผู้นำที่แท้จริงด้าน AI จะปรากฏตัวขึ้น” และ Microsoft มุ่งมั่นที่จะใช้เทคโนโลยี AI สนับสนุนการเพิ่มความสามารถในการส่งออกของ SME 1,000 แห่ง การดำเนินการนี้เป็นการสนับสนุนการปรับปรุงขีดความสามารถในการแข่งขันระหว่างประเทศและการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลของบริษัทไทยโดยตรง

นอกจากนี้ Microsoft ยังร่วมมือกับ EY และสถาบันวิจัยข้อมูลขนาดใหญ่ในการสร้าง National AI Sandbox และให้การเข้าถึงโมเดล AI กว่า 11,000 โมเดลผ่าน Azure AI Foundry

การสอดคล้องอย่างสมบูรณ์กับกลยุทธ์ชาติของรัฐบาลไทย

การลงทุนนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ในระหว่างการประชุมผู้นำ APEC ที่ซานฟรานซิสโกเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 รัฐบาลไทยและ Microsoft ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) บันทึกนี้วางรากฐานสำหรับความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอัจฉริยะ การผสานรวม AI เข้ากับ e-Government และการพัฒนาทักษะของคนไทย 10 ล้านคน

นายกรัฐมนตรีเศรษฐา มองการลงทุนของ Microsoft เป็น “เหตุการณ์สำคัญ” ของวิสัยทัศน์ “Ignite Thailand” ที่มุ่งหมายสร้างไทยให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคภายในปี 2030 การลงทุนนี้ยังเป็นการแสดงออกที่ชัดเจนของนโยบายแห่งชาติระยะยาว “Thailand 4.0” ที่มุ่งเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจไทยสู่รูปแบบที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและสร้างมูลค่า

นโยบาย “Cloud First” ที่รัฐบาลผลักดัน กำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลให้ความสำคัญกับโซลูชันคลาวด์ในโครงการ IT ใหม่ นโยบายนี้ได้ผลดีในการผลักดันดิจิทัลไลเซชันของ SME โดยเฉพาะ ดาต้าเซนเตอร์ในประเทศของ Microsoft จำเป็นต่อความสำเร็จของนโยบายนี้ เพื่อตอบสนองต่อประเด็นหลักของรัฐบาลเรื่อง Data Residency, Data Sovereignty และมาตรฐานความเป็นส่วนตัว

กลยุทธ์ AI แห่งชาติของไทยที่ได้รับการอนุมัติในเดือนกรกฎาคม 2022 ตั้งเป้าสร้างผลกระทบทางธุรกิจและสังคมอย่างน้อย 480 พันล้านบาทภายในปี 2027 การลงทุนของ Microsoft สนับสนุนโดยตรงต่อแผนงานที่ครอบคลุม 5 เสาหลักเพื่อสร้างระบบนิเวศ AI ที่แข็งแกร่ง

การแข่งขันสามขั้วในอุตสาหกรรมคลาวด์

Microsoft ไม่ได้ดำเนินการในพื้นที่ว่าง แต่เป็นส่วนหนึ่งของคลื่นการมุ่งมั่นขนาดใหญ่จากคู่แข่งหลักๆ ที่สร้าง “ระบบสามขั้วของ Hyperscaler” ในไทย

Amazon Web Services (AWS) ประกาศแผนลงทุน 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1.9 แสนล้านบาท) ตลอด 15 ปี เพื่อสร้าง AWS Asia Pacific Region การย้ายไปใช้คลาวด์ของบริษัทไทยเร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คาดว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้ GDP ของไทยประมาณ 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และสร้างงานเฉลี่ยกว่า 11,000 ตำแหน่งต่อปี

Google Cloud ประกาศการลงทุน 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสร้างดาต้าเซนเตอร์ในชลบุรีและ Cloud Region ในกรุงเทพฯ คาดการณ์ว่าจะเพิ่มมูลค่าให้ GDP ของไทย 40 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2029 และสนับสนุนการจ้างงานเฉลี่ย 14,000 ตำแหน่งต่อปีระหว่างปี 2025-2029

เหตุผลที่ไทยได้รับการเลือก

ทำไมถึงเป็นไทย มีปัจจัยเชิงกลยุทธ์หลายประการมารวมกัน

ไทยตั้งอยู่ใจกลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นศูนย์กลางที่เหมาะสมสำหรับให้บริการเศรษฐกิจดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็วในภูมิภาค รวมถึงประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม)

รัฐบาลไทยผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น การยกเว้นภาษีนิติบุคคล การยกเว้นอากรนำเข้าเครื่องจักร การให้สิทธิในการถือครองที่ดิน นโยบาย “Cloud First” และวิสัยทัศน์ “Ignite Thailand” แสดงถึงเจตจำนงทางการเมืองแบบ Top-down ที่แข็งแกร่ง

เศรษฐกิจดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าสูงสุด 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2030 ไทยมีประชากรขนาดใหญ่ที่หนุ่มสาวและเข้าใจเทคโนโลยีดิจิทัล ตลาดคลาวด์คาดว่าจะเติบโตจาก 1.22 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 เป็น 7.28 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030

ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ยังคงดำเนินต่อไป บริษัทเทคโนโลยีโลกกำลังกระจายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะไทย กำลังกลายเป็นทางเลือก “China Plus One” ที่น่าสนใจ

ผลงานที่แสดงโดย Frontier Firm

Microsoft ผลักดันกลยุทธ์การยกระดับองค์กรไทยให้เป็น “Frontier Firm” อย่างแข็งขัน Frontier Firm หมายถึงองค์กรที่บูรณาการ AI เข้ากับกระบวนการหลักอย่างเป็นกลยุทธ์ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน สร้างนวัตกรรม และเร่งการเติบโต

ดานวัฒน์อธิบายว่า Frontier Firm ไม่ใช่แค่การนำเครื่องมือ AI มาใช้ แต่เป็นการบูรณาการ AI เข้าสู่ DNA ขององค์กร ขับเคลื่อนนวัตกรรม และปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน แนวคิดนี้ถูกวางตำแหน่งเป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับบริษัทไทยในการมีความได้เปรียบในการแข่งขันระดับโลก

องค์กรชั้นนำหลายแห่งของไทยร่วมมือกับ Microsoft แล้วเพื่อเป็นแบบอย่างของโมเดลนี้ รวมถึง SCBX ที่มุ่งสู่ “องค์กร AI First”, AIS, PTT Global Chemical, Charoen Pokphand Group, สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (NHSO) และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ใช้ประโยชน์จาก Copilot for Microsoft 365

ความร่วมมือเหล่านี้สร้าง Case Study ที่แข็งแกร่งแสดงประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมจากการนำเครื่องมือ AI ของ Microsoft มาใช้ เป็นเรื่องราวความสำเร็จที่สนับสนุนให้บริษัทไทยอื่นๆ ย้ายไปใช้คลาวด์ของ Microsoft

ผลกระทบทางเศรษฐกิจและความท้าทาย

การรวมกันของการลงทุนเหล่านี้คาดว่าจะเพิ่มมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ให้ GDP ของไทย การศึกษาของ Kearney บ่งชี้ว่า AI อาจสร้างมูลค่าเพิ่มให้ GDP ของไทย 1,170 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2030

โครงการฝึกอบรมขนาดใหญ่ของ Microsoft, AWS และ Google จะเปลี่ยนแปลงโปรไฟล์ทักษะของแรงงานไทยอย่างพื้นฐาน สร้างกลุ่มบุคลากรจำนวนมากที่มีความเชี่ยวชาญด้านคลาวด์และ AI ที่มีความต้องการสูง นี่เป็นการตอบสนองต่อภารกิจสำคัญระดับชาติในการเตรียมแรงงานสู่เศรษฐกิจดิจิทัล

อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายอยู่ Hyperscale Data Center ใช้พลังงานจำนวนมากสำหรับการประมวลผลและน้ำสำหรับการระบายความร้อน ความต้องการจากการรวมศูนย์สิ่งอำนวยความสะดวกขนาดใหญ่หลายแห่งใน EEC อาจสร้างภาระหนักต่อเครือข่ายไฟฟ้าแห่งชาติและทรัพยากรน้ำของไทย

Microsoft และรัฐบาลไทยต่างมีเป้าหมายด้านพลังงานหมุนเวียนและ Net Zero ที่ทะเยอทะยาน การตอบสนองความต้องการพลังงานใหม่จำนวนมากจากดาต้าเซนเตอร์ด้วยพลังงานสะอาดจะเป็นความท้าทายยิ่งใหญ่ที่ต้องการการลงทุนใหม่ขนาดใหญ่ในโครงสร้างพื้นฐานพลังงานแสงอาทิตย์ ลม และ Smart Grid

แนวโน้มในอนาคต

การสถาปนา “ระบบสามขั้วของ Hyperscaler” ทำให้ไทยมีสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเร่งการเปลี่ยนแปลงดิจิทัลด้วยโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์และเทคโนโลยี AI ระดับโลก การใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีล้ำสมัยของ Microsoft, AWS และ Google Cloud พร้อมกันจะช่วยให้บริษัทไทยสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมได้ด้วยความเร็วที่ไม่เคยเป็นไปได้มาก่อน

ตามมุมมองของ BKK IT News ไทยกำลังเผชิญกับโอกาสทองที่ยิ่งใหญ่ การตัดสินใจที่จะทำในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าเรื่องนโยบายพลังงาน การจัดการน้ำ การกำกับดูแลข้อมูล และการสนับสนุน SME จะกำหนดว่าไทยจะสามารถใช้ประโยชน์จากพลังเทคโนโลยีของบริษัทต่างชาติเหล่านี้ให้สูงสุด และสถาปนาตำแหน่งเป็นผู้นำดิจิทัลระดับภูมิภาคที่ยั่งยืนและครอบคลุมได้หรือไม่

กุญแจสู่ความสำเร็จอยู่ที่การกระจายผลประโยชน์จากการเติบโตอย่างเป็นธรรมและการจัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน การลงทุนของ Microsoft ควรได้รับการทำความเข้าใจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลงของไทยสู่การเป็นผู้นำดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ลิงก์บทความอ้างอิง