รัฐบาลทหารเมียนมาปิดชายแดน กระทบอุตสาหกรรมส่งออกไทยหนัก

รัฐบาลทหารเมียนมาปิดชายแดน กระทบอุตสาหกรรมส่งออกไทยหนัก Diplomacy Trade
Diplomacy Trade

เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2025 ฝ่ายเมียนมาได้ปิดเส้นทางการค้าสำคัญกับไทยโดยไม่แจ้งล่วงหน้า การปิดสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 ช่วงแม่สอด-เมียวดี ส่งผลให้การค้าชายแดนมูลค่า 1.3 แสนล้านบาทต่อปีต้องหยุดชะงัก มูลค่าการส่งออกของไทยลดลงจาก 500 ล้านบาทต่อไตรมาสเหลือเพียง 1,000 ล้านบาท ลดลง 80% ส่งผลกระทบรุนแรงต่อผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง

เส้นเลือดใหญ่การค้าชายแดนถูกตัดขาดอย่างกะทันหัน

สะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 ช่วงแม่สอด-เมียวดี เป็นจุดสำคัญของการค้าชายแดนไทย-เมียนมาที่คิดเป็น 40% ของการค้าทั้งหมด การปิดกะทันหันครั้งนี้ทำให้รถบรรทุกขนส่งสินค้า 400-500 คัน ต้องติดค้างอยู่บริเวณชายแดน เนื่องจากมาตรการนี้มุ่งเป้าไปที่รถบรรทุกขนาดใหญ่และสินค้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ จึงทำให้สะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 ที่เป็นทางเลือกไม่สามารถรองรับปริมาณการขนส่งได้

สินค้าส่งออกหลักที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ต่อพ่วง รถจักรยานยนต์ น้ำมันปาล์ม และน้ำมันดีเซล การหยุดส่งออกสินค้าเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมการผลิตและห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลจากกรมศุลกากรแม่สอดเผยให้เห็นว่า การค้าในพื้นที่นี้กว่า 60% ดำเนินผ่าน “เส้นทางไม่ได้รับอนุญาต”

แรงจูงใจทางเศรษฐกิจของรัฐบาลทหารเป็นสาเหตุหลัก

แม้รัฐบาลทหารเมียนมา (SAC) จะอ้างเหตุผลอย่างเป็นทางการว่า “ปราบปรามการค้าผิดกฎหมาย” แต่แรงจูงใจที่แท้จริงคือวิกฤติทางเศรษฐกิจที่รุนแรง ตั้งแต่เกิดรัฐประหารในปี 2021 เศรษฐกิจเมียนมาประสบปัญหาเงินสำรองต่างประเทศลดลง การขาดดุลการค้าขยายตัว และรายได้ของรัฐหมดสิ้น SAC จึงจำเป็นต้องหาทุกวิธีเพื่อหาแหล่งเงินทุน

ขณะเดียวกัน ยังมีการแย่งชิงอำนาจทางเศรษฐกิจกับกองทัพชาติกะเหรี่ยง (KNA) และกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์น้อยอื่นๆ (EAOs) ที่ควบคุมพื้นที่ชายแดนอย่างแท้จริง กลุ่มเหล่านี้ได้กำไรมหาศาลจากการค้าชายแดน การปิดชายแดนโดย SAC จึงเป็นการตัดแหล่งเงินทุนและพยายามคืนอำนาจการควบคุมให้รัฐบาลกลาง

ผู้ประกอบการควรมีแผนรองรับและแนวโน้มในอนาคต

รัฐบาลไทยเข้าสู่การเจรจาทางการทูตทันที โดยกระทรวงพาณิชย์เริ่มการปรึกษาหารือกับสถานทูตเมียนมาประจำประเทศไทย ในขณะที่จังหวัดตากได้ประกาศกฎเกณฑ์การตรวจสอบที่เข้มงวดใหม่ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม โดยกำหนดให้สินค้าทุกรายการต้องแจ้งล่วงหน้า 2 วัน และผ่านการตรวจสอบร่วมของเจ้าหน้าที่ มาตรการนี้อาจทำให้การค้าล่าช้าเพิ่มเติม จึงเป็นที่วิตกของผู้ประกอบการในพื้นที่

ฝ่ายเมียนมาเสนอทางเลือกให้เปลี่ยนไปใช้เส้นทางทางทะเลผ่านท่าเรือระนอง อย่างไรก็ตาม เส้นทางนี้มีต้นทุนเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับทางบก และใช้เวลานานกว่า จึงไม่ใช่ทางออกที่แท้จริง สมาคมขนส่งจังหวัดตากเตือนว่า หากสถานการณ์นี้ไม่ได้รับการแก้ไขภายใน 3 เดือน ผู้ประกอบการขนส่งหลายรายอาจไม่สามารถชำระเงินกู้รถได้

สำหรับแนวโน้มในอนาคต เราเห็นว่าในระยะสั้นจะมีการแก้ไขบางส่วนผ่านการเจรจาทางการทูต แต่ไม่มีการแก้ไขปัญหาการเมืองพื้นฐาน วิกฤตในลักษณะเดียวกันจึงมีโอกาสเกิดขึ้นอีก ผู้ประกอบการควรพิจารณาการกระจายแหล่งจัดหา การเตรียมทางขนส่งทางเลือก และการเพิ่มสต็อกสินค้าเพื่อลดความเสี่ยง

การปิดชายแดนครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าความไม่มั่นคงทางการเมืองของประเทศเพื่อนบ้านสามารถทำลายสภาพแวดล้อมทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ผู้ประกอบการจำเป็นต้องทบทวนแผนการดำเนินธุรกิจต่อเนื่องที่คำนึงถึงความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์

ลิงก์บทความอ้างอิง