ความคาดหวังของนักลงทุนต่อการลงทุน AI กับความเป็นจริงแตกต่างกันอย่างชัดเจน
ต้นเดือนกันยายน 2025 บริษัทซอฟต์แวร์คลาวด์ชั้นนำ Salesforce ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ดีกว่าคาดการณ์ของตลาด แต่ราคาหุ้นกลับปรับตัวลดลงอย่างมาก เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าคลื่นใหญ่ของ AI เริ่มสั่นสะเทือนอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรทั้งหมด และทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความยั่งยืนของรูปแบบธุรกิจ SaaS แบบเดิม
สาเหตุราคาหุ้นร่วงแม้กำไรดี
ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2026 ของ Salesforce ดูแข็งแกร่งในเชิงตัวเลข รายได้เพิ่มขึ้น 10% เป็น 102.4 พันล้านดอลลาร์ เกินคาดการณ์นักวิเคราะห์ที่ 101.4 พันล้านดอลลาร์ กำไรต่อหุ้นปรับปรุงอยู่ที่ 2.91 ดอลลาร์ เกินคาดการณ์ที่ 2.78 ดอลลาร์อย่างมาก
แต่ตลาดตอบสนองด้วยความไม่พอใจ แนวโน้มรายได้ไตรมาส 3 ที่ 102.4-102.9 พันล้านดอลลาร์ ไม่ถึงค่ากลางที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 102.9 พันล้านดอลลาร์ “การไม่ถึงเป้าเล็กน้อย” นี้ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับผลตอบแทนจากการลงทุน AI เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงลง
แก่นแท้ของการร่วงราคาหุ้นคือช่องว่างระหว่างวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่กับความเป็นจริงที่เผชิญหน้า ความแตกต่างของความคาดหวังระหว่างศักยภาพการเปลี่ยนแปลงที่ผู้บริหารเล่าถึงกับความเป็นจริงที่นักลงทุนอ่านได้จากงบการเงิน นำมาสู่ความผิดหวังของตลาด
ความล่าช้าในการสร้างรายได้จาก AI เผยออกมา
สิ่งที่ทำให้นักลงทุนกังวลมากขึ้นคือความล่าช้าในการสร้างรายได้จากแพลตฟอร์ม AI agent “Agentforce” CEO Benioff ประกาศว่า Agentforce ได้รับสัญญามากกว่า 12,500 ฉบับนับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อตุลาคม 2024 แต่สัญญาแบบเสียค่าบริการที่สร้างรายได้จริงมีเพียงราว 6,000 ฉบับเท่านั้น
ในทางตรงกันข้าม รายได้ประจำปีจากธุรกิจดาต้าคลาวด์และ AI ถึง 12 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 120% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่เมื่อเทียบกับคาดการณ์รายได้รวมทั้งปี มีส่วนร่วมเพียง 3% ทำให้นักลงทุนต้องการเส้นทางที่ชัดเจนว่าการลงทุน AI มหาศาลมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์จะกลับมาเร่งการเติบโตของบริษัททั้งหมดเมื่อไหร่
ความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจระยะยาว
กลยุทธ์ AI ที่ Salesforce ผลักดันไม่ใช่แค่นวัตกรรมทางเทคโนโลยี บริษัทนำ Agentforce มาใช้ภายในองค์กร ส่งผลให้ลดพนักงานในแผนกบริการลูกค้าประมาณ 4,000 คน นี่คือหลักฐานที่ชัดเจนของการเพิ่มผลิตภาพที่ AI นำมา
แต่ที่นี่มีความขัดแย้งพื้นฐาน รูปแบบ SaaS แบบเดิมคิดค่าบริการตามจำนวนผู้ใช้ เมื่อ AI agent แทนที่งานของมนุษย์และจำนวนพนักงานลดลง จะเกิด “ปัญหาร้ายแรง” คือยิ่งบริษัทลูกค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น ยอดขายของตัวเองก็จะลดลง
การแก้ไขความขัดแย้งนี้จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจ ในอนาคตต้องเปลี่ยนไปใช้ “การคิดค่าบริการตามปริมาณการใช้” หรือ “การคิดค่าบริการตามมูลค่า” ที่ใช้ปริมาณการใช้ AI และผลลัพธ์ที่ได้เป็นฐาน แต่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบราคานี้มีความเสี่ยงที่จะลดความสามารถในการคาดการณ์รายได้สำหรับบริษัท SaaS
การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
Salesforce เผชิญการแข่งขันที่รุนแรงในหลายแนวรบ คู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดคือ Microsoft บริษัทนี้ใช้ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ OpenAI เป็นอาวุธ รวม AI เข้ากับ Dynamics 365, Office, และ Teams อย่างลึกซึ้ง
นอกจากนี้ยังมีบริษัทเริ่มต้นที่เป็น AI native เป็นภัยคุกคาม บริษัทเหล่านี้ใช้ความคล่องตัวที่ไม่มีระบบเก่าขัดขวาง เพื่อให้โซลูชัน AI ที่ทันสมัยและราคาแข่งขันได้มากกว่าในด้านธุรกิจเฉพาะ
คำถามพื้นฐานของอุตสาหกรรมคือ “AI จะฆ่า SaaS หรือไม่?” CEO Nadella ของ Microsoft ชี้ให้เห็นว่าถ้าอนาคตที่ AI agent สร้างแอปพลิเคชันเองได้มาถึง คุณค่าของแอปพลิเคชัน SaaS ที่มีอยู่อาจลดลง
ความได้เปรียบในการแข่งขันของ Salesforce
แม้สภาพแวดล้อมจะรุนแรง Salesforce ยังคงมีความได้เปรียบในการแข่งขันที่แข็งแกร่ง มีฐานลูกค้าจำนวนมหาศาลและความสัมพันธ์ที่เชื่อถือได้ที่สร้างมายาวนานในตลาด CRM มีประวัติการดูแลข้อมูลลูกค้าที่สำคัญที่สุดของบริษัท
แพลตฟอร์มข้อมูลที่สร้างผ่านกลยุทธ์ M&A โดยเฉพาะ “Data Cloud” ก็เป็นทรัพย์สินสำคัญ รวมข้อมูลที่กระจัดกระจายในองค์กรเข้าด้วยกัน เป็นฐานที่รวมเป็นหนึ่งเดียวสำหรับ AI agent ที่จะทำงานได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย ในสถานการณ์ที่ข้อมูลของหลายบริษัทแยกเป็นส่วนๆ Salesforce มีโอกาสเพิ่มคุณค่าโดยการเป็น “จุดศูนย์กลางข้อมูล”
จุดแยกทางของการประเมินตลาด
ความคิดเห็นของนักวิเคราะห์แตกต่างกัน Goldman Sachs ยังคงการประเมิน “ซื้อ” และเป้าราคา 385 ดอลลาร์แม้หลังราคาหุ้นร่วง เพราะเชื่อมั่นว่า AI จะเป็น “แรงหนุนหลายปี” สำหรับ Salesforce
ในทางตรงกันข้าม BofA Securities และ TD Cowen ลดเป้าราคาด้วยเหตุผลความล่าช้าในการสร้างรายได้ระยะสั้น บริษัทวิจัย Morningstar ให้การประเมิน “Wide Moat (คูน้ำกว้าง)” คือความได้เปรียบในการแข่งขันที่แข็งแกร่ง แต่ให้ “High Uncertainty (ความไม่แน่นอนสูง)” ด้วย
ข้อเสนอแนะสำหรับองค์กร
กรณีศึกษา Salesforce ครั้งนี้ให้ข้อเสนอแนะสำคัญสำหรับกลยุทธ์การนำ AI มาใช้ในองค์กร การนำเทคโนโลยี AI มาใช้จะทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานแน่นอน แต่การสร้างรายได้ใช้เวลา องค์กรต้องควบคุมความคาดหวังผลสำเร็จระยะสั้น และประเมินการลงทุน AI ด้วยมุมมองระยะยาว
นอกจากนี้ การทำงานอัตโนมัติด้วย AI อาจส่งผลต่อรูปแบบธุรกิจแบบเดิม องค์กรต้องพิจารณาการเปลี่ยนแปลงที่ AI นำมา และทบทวนวิธีการสร้างคุณค่าจากพื้นฐาน
แนวโน้มในอนาคต
BKK IT News มองว่าอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในยุค AI กำลังเผชิญจุดเปลี่ยนที่สำคัญ การเปลี่ยนมาตรฐานการประเมินจากความคาดหวังในความเป็นไปได้ทางเทคนิคไปสู่ความสามารถในการสร้างรายได้ที่ชัดเจนและวัดผลได้จะเกิดขึ้น
ว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีอยู่อย่าง Salesforce จะสามารถปรับตัวเข้ากับยุคใหม่ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าจะตอบสนองความท้าทายสามด้านพร้อมกันได้หรือไม่ คือการแสวงหานวัตกรรมทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจ และการปฏิบัติความรับผิดชอบต่อสังคม ผลของความท้าทายนี้จะชี้ทางสู่ความยั่งยืนที่แท้จริงในยุค AI
ลิงก์บทความอ้างอิง
- Salesforce Shares Slip as Investors Fret Over Light AI Returns
- Salesforce Shares Slip Despite Earnings Beat as Investors Question
- Salesforce Stock Falls Nearly 7% Despite Positive Earnings; Here’s Why
- Salesforce’s AI Revolution Feels Like A Fizzle
- Goldman Sachs reaffirms Buy rating on Salesforce stock amid AI optimism