Metro Systems และ TERA จับมือพันธมิตร ~เสริมแกร่ง AWS และ Generative AI สู่ยุคใหม่ของตลาดคลาวด์ไทย

Metro Systems และ TERA จับมือพันธมิตร ~เสริมแกร่ง AWS และ Generative AI สู่ยุคใหม่ของตลาดคลาวด์ไทย Cloud
Cloud

ตลาดคลาวด์ไทยมีพลังใหม่เกิดขึ้น

อุตสาหกรรมคลาวด์ไทยเกิดการเคลื่อนไหวสำคัญขึ้น Metro Systems Corporation (MSC) และ Terabyte Plus (TERA) ลงนามข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2025 บริษัททั้งสองแห่งมุ่งเสริมความแข็งแกร่งในการให้บริการ AWS Public Cloud และโซลูชัน Generative AI ความร่วมมือนี้จะสร้างแพลตฟอร์มการให้บริการใหม่ที่จะเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของบริษัทไทย

ภูมิหลังความร่วมมือและการเติบโตของตลาดคลาวด์ไทย

ตลาดคลาวด์ไทยเติบโตอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง มูลค่าตลาดในปี 2024 เกิน 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 14% ถึง 27% การลงทุนขนาดใหญ่จาก AWS, Google และ Microsoft เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก AWS เป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งประมาณ 36%

นโยบาย “Thailand 4.0” ของรัฐบาลและแผนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและสังคม 20 ปี เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ รัฐบาลมีนโยบาย Cloud First โดยตั้งเป้าย้ายข้อมูลภาครัฐ 80% ไปยังระบบ Hybrid Cloud นโยบายนี้กระตุ้นให้ภาคเอกชนมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ตลาด Generative AI ก็เป็นที่สนใจเช่นกัน ไทยเป็นผู้นำการใช้ Generative AI ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แรงงานไทย 62% ใช้งานแล้ว มูลค่าตลาดปี 2024 อยู่ที่ 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า Generative AI จะช่วยผลักดัน GDP ไทยเพิ่มขึ้น 6% ภายในปี 2030

ลักษณะเด่นของทั้งสองบริษัทและความสัมพันธ์เสริมกัน

Metro Systems เป็นบริษัท IT ที่มีประวัติยาวนาน ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1986 บริษัทมีสถานะ AWS Advanced Tier Service Partner โดยเฉพาะได้รับการรับรอง AWS Migration Competency บริษัทมีใบรับรอง AWS กว่า 50 ใบ มีผลงานลูกค้าเกิน 100 ราย Metro Systems สร้างความน่าเชื่อถือในตลาดองค์กรไทยมาอย่างยาวนาน

TERA เป็นบริษัทใหม่ที่ก่อตั้งปี 2005 เข้าจดทะเบียนในตลาด mai เมื่อเดือนเมษายน 2024 จุดแข็งของ TERA คือเครือข่ายลูกค้าองค์กรที่กว้างขวาง TERA มีตำแหน่งในตลาดในประเทศผ่านบริการ Local Cloud “T.Cloud” ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2016

ในความร่วมมือนี้ MSC จะให้ความรู้ทางเทคนิคและการรับรอง AWS ขั้นสูง ส่วน TERA รับผิดชอบการเข้าถึงตลาดและความสัมพันธ์กับลูกค้า MSC จะถ่ายทอดความรู้และฝึกอบรมทางเทคนิคอย่างครบถ้วน โดยจัดการฝึกอบรมให้ทีมผู้เชี่ยวชาญของ TERA

เนื้อหาความร่วมมือเชิงเจาะจง

ขอบเขตความร่วมมือประกอบด้วย 3 เสาหลัก เสาแรกคือ Core AWS Services ได้แก่ การจัดการโครงสร้างพื้นฐาน บริการย้ายระบบ การนำ Well-Architected Framework มาใช้ และการสนับสนุนการดำเนินงาน เสาที่สองคือการบูรณาการ AI ขั้นสูง การนำโซลูชัน Generative AI มาใช้บนแพลตฟอร์ม AWS เสาที่สามคือกลยุทธ์ขยายตลาด TERA จะเป็นช่องทางหลักในการจัดจำหน่ายและให้บริการผลิตภัณฑ์ AWS

โมเดลการดำเนินงานนี้จะผสานความแข็งแกร่งทางเทคนิคของ MSC กับฐานลูกค้าของ TERA โมเดลนี้ลดการแข่งขันระหว่างช่องทางและเพิ่มการครอบคลุมตลาดให้สูงสุด ลูกค้าเดิมของ TERA จะได้รับเส้นทางการย้ายไปยัง Public Cloud ที่เชื่อถือได้ ภายใต้การจัดการของพันธมิตรในประเทศ

ผลกระทบต่อคู่แข่งและการรวมตลาด

ความร่วมมือนี้จะสร้างแรงกดดันอย่างมากต่อ System Integrator ในประเทศและพันธมิตร AWS อื่นๆ คู่แข่งต้องพิสูจน์ความสามารถ Hybrid ที่กว้างขวาง คู่แข่งต้องพิสูจน์การรับรอง AWS ขั้นสูงในระดับเดียวกัน ผลที่ตามมาคือการรวมตลาดเพิ่มเติม พันธมิตรขนาดเล็กอาจถูกซื้อกิจการหรือต้องมุ่งเฉพาะด้านความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

ความร่วมมือนี้ยังเป็นการป้องกันเชิงกลยุทธ์ต่อสถานการณ์ที่ Huawei Cloud ของจีนได้ส่วนแบ่งตลาด 18% พันธมิตร MSC-TERA สามารถเสนอทางเลือก “Best of Breed” ที่น่าสนใจ ซึ่งเหมาะสมกว่าโซลูชันแบบรวมของ Huawei

แนวโน้มอนาคตและผลกระทบต่อองค์กร

BKK IT News คาดการณ์ว่าความร่วมมือนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการเร่งการนำ Cloud มาใช้ของบริษัทไทย พันธมิตรในประเทศที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือที่ให้บริการครบวงจรปรากฏขึ้น บริษัทที่ยึดมั่นในแนวเก่าซึ่งเคยลังเลในการทำสัญญาโดยตรงกับผู้ให้บริการระดับโลกจะสามารถเริ่มโครงการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้น

ในด้าน Generative AI ความร่วมมือนี้อาจเป็นปัจจัยสำคัญในการบรรลุแนวคิด “Sovereign AI” ของไทย คาดหวังให้พันธมิตรนี้เป็นหน่วยงานดำเนินการหลักในการนำโมเดล AI ในประเทศมาใช้งานขนาดใหญ่สำหรับองค์กรบนแพลตฟอร์ม AWS

การตอบสนองเชิงกลยุทธ์ขององค์กร

สำหรับองค์กร ความร่วมมือนี้หมายถึงการเกิดทางเลือกใหม่ บริษัทที่พิจารณาการย้าย Cloud สามารถพิจารณาการสนับสนุนครอบคลุมจากพันธมิตรในประเทศ นอกเหนือจากสัญญาโดยตรงกับผู้ให้บริการระดับโลกแบบเดิม

โดยเฉพาะองค์กรที่ใช้กลยุทธ์ Hybrid Cloud จะเลือกแนวทางย้ายจาก On-premise ไปยัง Cloud แบบค่อยเป็นค่อยไปได้ง่ายขึ้น การแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นจะทำให้ระดับการบริการโดยรวมดีขึ้น การแข่งขันจะทำให้ความสามารถด้านราคาแข็งแกร่งขึ้น

องค์กรต้องประเมินการเลือกผู้ขายอย่างครอบคลุม ไม่ควรเปรียบเทียบราคาเพียงอย่างเดียว ต้องรวมถึงความเชี่ยวชาญทางเทคนิค ความน่าเชื่อถือในตลาด และคุณภาพการเป็นพันธมิตรระยะยาว ความร่วมมือครั้งนี้ทำให้สภาพแวดล้อมการแข่งขันในตลาดคลาวด์ไทยเข้าสู่ระยะใหม่

ลิงก์บทความอ้างอิง