อนุทิน ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 32 ~ สร้างรัฐบาลจากข้อตกลงยุทธศาสตร์กับฝ่ายค้าน

อนุทิน ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 32 ~ สร้างรัฐบาลจากข้อตกลงยุทธศาสตร์กับฝ่ายค้าน Politic Economy
Politic Economy

วันที่ 5 กันยายน 2025 สภาผู้แทนราษฎรเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ด้วยคะแนนเสียง 311 เสียงจากการสนับสนุนของพรรคประชาชนซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านอันดับหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้สร้างจุดเปลี่ยนทางการเมืองไทยอย่างประวัติศาสตร์

การก่อตัวรัฐบาลที่ไม่เคยมีมาก่อน

จากผู้แทนราษฎร 492 คน นายอนุทินได้รับคะแนนเสียง 311 เสียง เกินกว่าเสียงข้างมาก 247 เสียงอย่างถล่มทลาย ขณะที่คู่แข่งจากพรรคเพื่อไทย นายชัยกะเสม นิติสิริ ได้เพียง 152 เสียง

กุญแจสำคัญของชัยชนะคือการสนับสนุนจากพรรคประชาชนที่มี 143 ที่นั่ง การร่วมมือระหว่างนายอนุทินที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมกับพรรคประชาชนที่มีแนวคิดก้าวหน้าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

การสนับสนุนของพรรคประชาชนมีเงื่อนไข นายอนุทินต้องสัญญาว่าจะยุบสภาภายใน 4 เดือนและจัดการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ สิ่งนี้ทำให้รัฐบาลใหม่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ต้องพึ่งพาความร่วมมือจากพรรคประชาชน

เหตุการณ์ที่นำสู่การล่มสลายของรัฐบาลแพทองธาร

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เริ่มต้นจากความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาในเดือนมิถุนายน 2025 การรั่วไหลของการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเดิม กับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาเผยให้เห็นว่านางสาวแพทองธารวิพากษ์วิจารณ์ผู้บัญชาการกองทัพไทย

หลังจากเหตุการณ์นี้ นายอนุทินลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมหาดไทย แล้วนำพรรคภูมิใจไทยแยกตัวออกจากรัฐบาล รัฐบาลแพทองธารจึงสูญเสียเสียงข้างมากและสูญเสียความสามารถในการบริหารประเทศ

วันที่ 29 สิงหาคม ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นางสาวแพทองธารพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เกิดช่องว่างทางอำนาจขึ้น

ยุทธวิธีการเมืองแบบนักปฏิบัติการของอนุทิน

นายอนุทิน เกิดปี 1966 เป็นทายาทธุรกิจก่อสร้างขนาดใหญ่ บิดาเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทซิโนไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างชั้นนำของประเทศ เขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยมาตั้งแต่ปี 2012 โดยใช้การตัดสินใจทางการเมืองแบบปฏิบัติจริงมากกว่าการยึดติดกับลัทธิใดลัทธิหนึ่ง

ในสมัยรัฐบาลทักษิณ เขาเคยเป็นรองรัฐมนตรีสาธารณสุขและรองรัฐมนตรีพาณิชย์ ปี 2019 เข้าร่วมรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และปี 2023 เข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ความยืดหยุ่นนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาสามารถเข้าถึงอำนาจได้

การตอบสนองต่อวิกฤตเศรษฐกิจและการต่างประเทศ

นายกรัฐมนตรีอนุทินประกาศนโยบายเร่งด่วน 4 ด้าน ได้แก่ การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพและหนี้สิน การแก้ไขข้อพิพาทชายแดนกับกัมพูชาด้วยวิธีสันติ การป้องกันภัยพิบัติธรรมชาติ และการปราบปรามยาเสพติดและการฉ้อโกง

ในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี เขาแต่งตั้งนายเอกนิติ นิติธำมภลภัทร์ นักเศรษฐศาสตร์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอุตตม รื่นภิญโญ ผู้บริหารจากอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายศิวฤทธิ์ พุ่งเกษเกษียว นักการทูตอาวุโส เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ การเลือกบุคคลที่มีความสามารถเป็นหลักแสดงเจตนาในการสร้างความเชื่อมั่นอย่างรวดเร็ว

ด้านนโยบายเศรษฐกิจ มีการพิจารณานำโครงการ “คนละครึ่ง” กลับมาใช้เพื่อกระตุ้นการบริโภคและมาตรการสินเชื่อเร่งด่วนสำหรับภาคธุรกิจ การยุติความสับสนทางการเมืองจะช่วยให้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจมีเสถียรภาพมากขึ้น

โครงสร้างการเมืองรูปแบบใหม่

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้แสดงให้เห็นการเปลี่ยนผ่านจากการเผชิญหน้าแบบ “ฝ่ายทักษิณ ต่อ ฝ่ายต่อต้านทักษิณ” ไปสู่การแข่งขันสามฝ่ายระหว่างกลุ่มก้าวหน้า กลุ่มประชานิยม และกลุ่มอนุรักษ์นิยม

ในการเลือกตั้ง 2023 พรรคก้าวไกลซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มก้าวหน้าได้ที่นั่งมากที่สุด แต่ถูกขัดขวางไม่ให้ตั้งรัฐบาลโดยกลุ่มอำนาจเดิม พรรคเพื่อไทยจึงเข้าสู่ “การประนีประนอมครั้งใหญ่” กับพรรคอนุรักษ์นิยมเพื่อตั้งรัฐบาล แต่ถูกผู้สนับสนุนมองว่า “ทรยศ” และสูญเสียความน่าเชื่อถือ

รัฐบาลอนุทินเป็นรัฐบาลแรกที่เกิดขึ้นภายใต้แผนที่การเมืองใหม่นี้ อย่างไรก็ตาม ฐานะของรัฐบาลยังไม่มั่นคง และการสัญญาที่จะยุบสภาและแก้ไขรัฐธรรมนูญกลายเป็นเงื่อนไขการอยู่รอดของรัฐบาล

ประเด็นอนาคตและผลกระทบต่อภาคธุรกิจ

รัฐบาลอนุทินมีเวลาเพียง 4 เดือน ในช่วงนี้การสร้างความเชื่อมั่นจากประชาชนและการปฏิบัติตามคำสัญญาจะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จ

สำหรับภาคธุรกิจ การกลับคืนของความมั่นคงทางการเมืองจะช่วยปรับปรุงสภาพแวดล้อมการลงทุน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นรัฐบาลระยะสั้น จึงต้องระวังเรื่องความต่อเนื่องของนโยบายระยะกลางและระยะยาว โดยเฉพาะกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีผลกระทบอย่างมากต่อระบบการเมืองและเศรษฐกิจของไทยในอนาคต

BKK IT News คาดการณ์ว่ารัฐบาลอนุทินจะปฏิบัติตามคำสัญญาและทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมสู่ระบบการเมืองที่มีประชาธิปไตยและเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อสภาพแวดล้อมการลงทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย

บทความอ้างอิง