กระทรวงการต่างประเทศไทยปรับระบบวีซ่าให้ง่ายขึ้น ~ลดจาก 17 ประเภทเหลือ 7 ประเภท เพิ่มประสิทธิภาพการสมัคร~

กระทรวงการต่างประเทศไทยปรับระบบวีซ่าให้ง่ายขึ้น ~ลดจาก 17 ประเภทเหลือ 7 ประเภท เพิ่มประสิทธิภาพการสมัคร~ Nomad
Nomad

ปัญหาเก่าแก่ของระบบวีซ่าที่ซับซ้อนได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

กระทรวงการต่างประเทศไทยได้ดำเนินมาตรการลดจำนวนประเภทวีซ่านอนอิมิแกรนท์จาก 17 ประเภทเหลือ 7 ประเภทตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2025 การปฏิรูปครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขความสับสนของผู้สมัครและเพิ่มประสิทธิภาพในขั้นตอนการสมัครวีซ่า

พื้นหลังและการพัฒนา

นโยบายการตรวจคนเข้าเมืองของไทยในช่วงที่ผ่านมาสร้างความไม่แน่นอนให้กับองค์กรธุรกิจและผู้ที่ต้องการพำนักระยะยาว เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงระบบที่ซับซ้อนและคาดการณ์ได้ยาก ประเภทวีซ่านอนอิมิแกรนท์ถึง 17 ประเภทที่มีความซ้ำซ้อนกันสร้างช่องทางให้สถานกงสุลในต่างประเทศตีความที่แตกต่างกันและเปิดโอกาสให้มีการตัดสินใจตามอำเภอใจ

ปัญหานี้เห็นได้ชัดจากกรณี “วิกฤต TM30” ที่เกิดขึ้นระหว่างปี 2018-2020 เมื่อหน่วยงานได้นำภาระหน้าที่การแจ้งที่พักของชาวต่างชาติที่เคยเป็นเพียงกฎที่ไม่ได้บังคับใช้มาบังคับใช้อย่างเข้มงวดทันที ทำให้เกิดปัญหาใหญ่ต่อการต่อวีซ่าและการเดินทางภายในประเทศ จากบทเรียนในอดีตดังกล่าว การรวมประเภทวีซ่าครั้งนี้จึงมีเจตนาลด “พื้นที่สีเทา” ของระบบและสร้างระบบที่โปร่งใสและคาดการณ์ได้มากกว่าเดิม

เนื้อหาการรวมประเภทวีซ่า

ประเภทใหม่ทั้ง 7 ประเภทมีดังนี้

F (ราชการ): คงประเภทเดิม F ไว้
B (ธุรกิจ): รวม B, B-A, IM, IB, EX เข้าด้วยกัน
ED (การศึกษา): รวม ED, ED-A, R, R-A, RS เข้าด้วยกัน
M (สื่อมวลชน): คงประเภทเดิม M ไว้
O (อื่นๆ): รวม O, O-A, O-X เข้าด้วยกัน
L-A (แรงงาน): ประเภทใหม่สำหรับแรงงาน MOU
O L-A (ครอบครัวแรงงาน): ประเภทใหม่สำหรับครอบครัวของแรงงาน MOU

เนื้อหาที่รวมอยู่ในประเภท “O” ประกอบด้วยหลายกลุ่มย่อยที่มีเงื่อนไขแตกต่างกันอย่างมาก จำเป็นต้องให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ

วีซ่า Non-O มาตรฐาน (ครอบครัว) มุ่งเป้าหมายหลักไปที่คู่สมรสของคนไทยและสมาชิกครอบครัวที่อยู่ในอุปการะ นอกเหนือจากใบสำคัญการสมรสและทะเบียนบ้านที่แสดงความสัมพันธ์ทางครอบครัวแล้ว ยังต้องมีข้อกำหนดทางเศรษฐกิจประการใดประการหนึ่งดังนี้: หลักฐานเงินฝากในบัญชีธนาคารไทย 400,000 บาทขึ้นไป หรือหนังสือรับรองรายได้ต่อเนื่อง 40,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป สำหรับผู้สมัครที่อาศัยอยู่นอกประเทศไทย จำเป็นต้องมีเอกสารทางการจากหน่วยงานภาษีหรือนายจ้างในประเทศที่อาศัยอยู่เพื่อรับรองรายได้

วีซ่า Non-O-A (ผู้เกษียณ) สำหรับผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป มีข้อกำหนดทางเศรษฐกิจที่เข้มงวดกว่า จำเป็นต้องมีหลักฐานเงินฝากในบัญชีธนาคารไทย 800,000 บาทขึ้นไปและรักษาไว้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 เดือน หรือหลักฐานการรับเงินบำนาญ/เงินเกษียณ 65,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป นอกจากนี้ยังมีข้อบังคับให้เข้าร่วมประกันสุขภาพที่รัฐบาลไทยกำหนด ซึ่งต้องมีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในอย่างน้อย 40,000 ดอลลาร์สหรัฐและค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกอย่างน้อย 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ การยื่นใบรับรองสุขภาพก็เป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งรวมถึงผลการตรวจสุขภาพครอบคลุมและการตรวจ HIV

วีซ่า Non-O-X (ผู้เกษียณพำนักระยะยาว) เป็นหมวดพิเศษที่มีเงื่อนไขเข้มงวดที่สุด สำหรับผู้สมัครอายุ 50 ปีขึ้นไปที่มีสัญชาติจาก 14 ประเทศเท่านั้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แคนาดา เกาหลีใต้ สิงคโปร์ สวีเดน นอร์เวย์ เดนมาร์ก และฟินแลนด์ ข้อกำหนดทางเศรษฐกิจคือต้องมีเงินฝากในธนาคารไทย 3 ล้านบาทขึ้นไป และจำเป็นต้องรักษายอดเงินฝากนี้ตลอดระยะเวลาการอยู่ในประเทศไทย ตั้งแต่ขั้นตอนการสมัคร

การรวมวีซ่าที่มีเงื่อนไขแตกต่างกันเหล่านี้เข้าสู่หมวด “O” เดียว จะทำให้ระบบ e-Visa มีแบบฟอร์มการสมัครที่มีโครงสร้างการแยกเงื่อนไขที่ซับซ้อน ความสำคัญของการเลือกกลุ่มย่อยที่เหมาะสมและการเตรียมเอกสารที่ถูกต้องจึงสูงขึ้นกว่าเดิม

สิ่งที่น่าสนใจคือการสร้างประเภท “L-A” และ “O L-A” ใหม่ ประเภทเหล่านี้ไม่ใช่การรวมประเภทเดิม แต่เป็นการสร้างประเภทอย่างเป็นทางการสำหรับแรงงานจากกัมพูชา ลาว และพม่าที่ทำงานภายใต้ MOU การนำวีซ่าแรงงานที่เดิมดำเนินการภายใต้ข้อตกลงทวิภาคีมาจัดเป็นระบบอย่างเป็นทางการจะช่วยเสริมสร้างระบบการจัดการที่เข้มแข็งขึ้น

สถานการณ์ปัจจุบันและผลการดำเนินการ

กระทรวงการต่างประเทศได้ยืนยันว่า “การปรับปรุงครั้งนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการสมัครหรือสิทธิของผู้สมัคร” การให้ข้อมูลแก่ผู้สมัครดำเนินการผ่านเว็บไซต์ e-Visa อย่างเป็นทางการ โดยระบบ e-Visa ได้เริ่มดำเนินการแล้วที่สถานทูตและสถานกงสุล 94 แห่งทั่วโลก

การรวมประเภทครั้งนี้เป็นส่วนสำคัญของการปฏิรูประบบวีซ่าต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022 การดำเนินการมีเป้าหมายรองรับความสอดคล้องกับนโยบายใหม่ต่างๆ เช่น การออกวีซ่า LTR สำหรับผู้พำนักระยะยาว การสร้างวีซ่า DTV สำหรับดิจิทัลโนแมด และการทำให้ขั้นตอนการเข้าประเทศเป็นดิจิทัล โดยมุ่งเน้นการจัดระเบียบโครงสร้างการบริหารที่ซับซ้อนขึ้น

ผลกระทบต่อองค์กร

ผลของการรวมประเภทธุรกิจ
วีซ่า “B” ใหม่ช่วยให้กระบวนการสมัครของพนักงานและผู้เชี่ยวชาญในบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เรียบง่ายขึ้น ความสับสนในการเลือกประเภทย่อยจะลดลง และขั้นตอนการสมัครจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น

BOI ได้ดำเนินการปรับปรุงกฎระเบียบที่สำคัญในปี 2024 โดยทำการทบทวนเงื่อนไขเงินเดือนสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตและนโยบายการพัฒนาบุคลากรท้องถิน ข้อกำหนดใหม่ของ BOI ปรับปรุงเงินเดือนขั้นต่ำสำหรับตำแหน่งผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่น และเพิ่มความเข้มงวดในภาระหน้าที่การพัฒนาบุคลากรท้องถิน ผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขใหม่เหล่านี้อาจต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติมเพื่อแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านเงินเดือนและการพัฒนาบุคลากรที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว เมื่อยื่นขอวีซ่าในหมวด “B” ที่รวมใหม่ พร้อมกับเอกสารรับรองธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมจาก BOI รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้จากบทความ “Thailand BOI Change Salary Regulation Manufacturing Localization

ข้อควรระวังในการสมัครวีซ่าผู้เกษียณ
วีซ่าสำหรับผู้เกษียณ (O-A, O-X) และวีซ่าครอบครัวที่รวมอยู่ในประเภท “O” มีเงื่อนไขการสมัครที่แตกต่างกันมาก การรวมเป็นประเภทเดียวใน e-Visa จะทำให้แบบฟอร์มการสมัครมีโครงสร้างแบบแยกสาขาที่ซับซ้อน ผู้สมัครจึงมีความเสี่ยงที่จะเลือกประเภทย่อยผิด ช่วงการเปลี่ยนผ่านจึงต้องให้ความสำคัญกับการตรวจสอบเงื่อนไขก่อนสมัครมากกว่าที่เคย

การเพิ่มประสิทธิภาพด้านการศึกษาและวิจัย
วีซ่า “ED” ใหม่ช่วยให้สถาบันการศึกษา สถาบันวิจัย และองค์กรศาสนาที่ต้องรับชาวต่างชาติหลากหลายประเภทสามารถรวมกระบวนการบริหารเป็นเส้นเดียว ทำให้งานเอกสารเรียบง่ายขึ้น

แนวโน้มในอนาคต

การรวมประเภทครั้งนี้แม้ว่าในระยะสั้นอาจเกิดความสับสนในกระบวนการสมัคร แต่ในระยะยาวช่วยสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพและคาดการณ์ได้มากขึ้น การรวมการตีความในสถานกงสุลต่างประเทศและความใช้งานง่ายของระบบ e-Visa เป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จ

องค์กรต่างๆ ควรปรับตัวเข้ากับระบบประเภทใหม่ด้วยการทบทวนขั้นตอนภายในและจัดการฝึกอบรมให้แผนกที่เกี่ยวข้อง ในช่วงการเปลี่ยนผ่านควรคำนึงถึงความเป็นไปได้ของการล่าช้าในการพิจารณาใบสมัครหรือการสอบถามเพิ่มเติม และจัดการตารางเวลาแบบมีเผื่อไว้

การปฏิรูปครั้งนี้เป็นขั้นตอนสำคัญของการพัฒนาโครงสร้างพื้ฐานการบริหารเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันระหว่างประเทศของไทย ดึงดูดการลงทุนต่างประเทศและบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ การทำให้ระบบเรียบง่ายขึ้นช่วยลดต้นทุนการบริหารงานบุคคลขององค์กรและเพิ่มความสะดวกให้ผู้พำนักระยะยาว

ลิงก์บทความอ้างอิง