ปัญหาร้าายแรงของ SME ไทยถูกเปิดเผย การสำรวจล่าสุดพบว่า 7 จาก 10 ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไม่สามารถนำ AI มาใช้ได้ จากปัญหาสามด้าน คือ ขาดความรู้ ต้นทุนสูง และความกังวลด้านความปลอดภัยข้อมูล ทำให้เกิดช่องว่างความแตกต่างในการแข่งขันระหว่างธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
การดิจิทัลหลังโควิดเป็นเพียง “เปลือกนอก”
หลังจากการระบาดของโควิด-19 ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของไทย 80-90% ได้เริ่มปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลในรูปแบบต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น การใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซหรือการรับชำระเงินออนไลน์
เมื่อดูสถานการณ์ปัจจุบัน อัตราการนำ AI มาใช้มีข้อมูลหลายแหล่งที่แตกต่างกัน การสำรวจของธนาคารไทยพาณิชย์พบว่า SME 40.4% นำโซลูชัน AI มาใช้แล้ว ในขณะที่การสำรวจของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์พบว่าอัตราการใช้งานอยู่ที่ 17.8% เท่านั้น ความแตกต่างครั้งใหญ่นี้แสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นมาตรฐานในคำจำกัดความของ “การนำ AI มาใช้” ซึ่งบ่งชี้ถึงความไม่เป็นผู้ใหญ่ของตลาด
ความจริงคือ การใช้งานมีตั้งแต่การทดลองง่าย ๆ เช่น การถาม ChatGPT ไปจนถึงการบูรณาการอย่างจริงจังในกระบวนการทำงาน ธุรกิจส่วนใหญ่บรรลุการดิจิทัลเฉพาะผิวหน้า แต่ยังไม่ถึงขั้นการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานอย่างแท้จริง
3 กำแพงที่ขวางการนำมาใช้จริง
การวิจัยของมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครทำให้เห็นอุปสรรคหลักที่กีดขวางการนำ AI มาใช้ในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของไทย
ปัญหาใหญ่ที่สุดคือการขาดความรู้และทักษะ ธุรกิจ 73.6% เผชิญปัญหานี้ ซึ่งไม่ใช่เพียงการขาดแคลนนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลเท่านั้น ผู้บริหารธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจำนวนมากยังไม่เข้าใจศักยภาพของ AI หรือวิธีการประยุกต์ใช้ในธุรกิจของตนเองอย่างแท้จริง
อุปสรรคที่สองคือปัญหาต้นทุน ธุรกิจ 68.4% กังวลเรื่องนี้ ค่าใช้จ่ายในการนำเครื่องมือ AI มาใช้ การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การฝึกอบรมหรือจ้างผู้เชี่ยวชาญเป็นภาระหนักสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีทรัพยากรจำกัด
กำแพงที่สามคือความกังวลด้านความปลอดภัยข้อมูล ธุรกิจ 61.2% รู้สึกไม่สบายใจในการมอบข้อมูลความลับของบริษัทหรือข้อมูลลูกค้าให้กับระบบ AI
อุปสรรคทั้งสามนี้เชื่อมโยงกันและสร้างวงจรที่ไม่ดี การขาดความรู้ทำให้ประเมินผลตอบแทนจากการลงทุน AI ไม่ถูกต้อง ส่งผลให้รู้สึกว่าต้นทุนสูงเกินไป การไม่เข้าใจเทคโนโลยีทำให้เกิดความกลัวด้านความปลอดภัยมากเกินไป และลดความต้องการลงทุนมากขึ้น
ความล้าหลังในภูมิภาคชัดเจน
เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศหลักในอาเซียน ตำแหน่งของไทยจึงชัดเจน มาเลเซียมีอัตราการนำ AI มาใช้ในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพิ่มขึ้นเป็น 27% ใน 2024 และกำลังสร้างระบบนิเวศภายใต้กลยุทธ์ระดับชาติที่ชัดเจน Malaysia Digital Economy Corporation สนับสนุนผู้ให้บริการโซลูชัน AI 140 รายภายใต้การนำของรัฐบาล
สิงคโปร์มีสถานการณ์ที่ตรงกันข้าม อัตราการนำ AI มาใช้ในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอยู่ที่ 4.2% แต่ในบริษัทขนาดใหญ่ถึง 44% มี “AI Divide” ที่ร้ายแรงภายในประเทศ ในขณะที่รัฐบาลใช้กองทุนลงทุน AI มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์เพื่อสนับสนุนอย่างเข้มแข็ง
ช่องว่างของไทยเกิดจากความไม่เป็นผู้ใหญ่ทางดิจิทัลของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในวงกว้าง การสำรวจของ ETDA พบว่าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 65.2% อยู่ในขั้น “Digital Novice” และ “Digital Follower” ซึ่งเป็นระดับความเป็นผู้ใหญ่ที่ต่ำ
มาตรการสนับสนุนของรัฐเริ่มจริงจัง
รัฐบาลไทยเริ่มมาตรการสนับสนุนหลายด้านเพื่อทำลาย “3 กำแพง” ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ด้านการเงิน สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจัดเตรียมแพ็คเกจสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำมูลค่ารวม 27 พันล้านบาท โดยเฉพาะ 10 พันล้านบาทสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ทำการเปลี่ยนแปลงธุรกิจด้านดิจิทัลและ AI ด้วยเงื่อนไขดอกเบี้ย 1% ต่อปี
ด้านการพัฒนาทรัพยากรบุคคล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร่วมกับ Microsoft เปิดโครงการ “THAI Academy” ที่มีความทะเยอทะยานให้คนไทยกว่า 1 ล้านคนได้รับทักษะที่เกี่ยวข้องกับ AI ภายในสิ้นปี 2025
ด้านโครงสร้างพื้นฐาน depa และ ETDA ส่งเสริมการกำหนดมาตรฐานเทคโนโลยี การนำ Regulatory Sandbox มาใช้ การร่วมมือกับ Google เพื่อส่งเสริมนโยบาย Cloud-First และการเสริมสร้างความปลอดภัยไซเบอร์
โซลูชันจากภาคเอกชนเริ่มปรากฏ
ตรงข้ามกับการสนับสนุนแบบ Top-Down ของรัฐบาล ภาคเอกชนมีโซลูชันที่ปฏิบัติจริงได้
ที่น่าสนใจคือการร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง Sea และ OpenAI ที่ประกาศในเดือนสิงหาคม 2025 การร่วมมือนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการโมเดล AI ขั้นสูงของ OpenAI กับระบบนิเวศดิจิทัลขนาดใหญ่ที่ Sea ดำเนินการ เพื่อลดอุปสรรคการนำ AI มาใช้ในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
การร่วมมือนี้ให้ ChatGPT Plus ฟรีเป็นเวลา 3 เดือนแก่สมาชิก VIP ของ Shopee ในไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ที่สำคัญที่สุดคือการบูรณาการเครื่องมือ AI เข้ากับ “Shopee Seller Centre” ที่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหลายล้านรายใช้งานประจำ
ด้วยวิธีการนี้ ผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ระบบใหม่ตั้งแต่ศูนย์ แต่สามารถใช้ AI ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยได้ “Chat AI Assistant” และ “AI Listing Generator” ช่วยในการตอบสนองลูกค้า 24 ชั่วโมงและการสร้างคำอธิบายสินค้าที่มีประสิทธิภาพ
2030 จุดแยกทาง
การแก้ไขช่องว่างการนำ AI มาใช้เป็นจุดแยกทางที่สำคัญที่จะกำหนดอนาคตของเศรษฐกิจไทย
ผลกระทบทางเศรษฐกิจมีมากมาย East Ventures ประมาณการว่าการนำ AI มาใช้อาจดัน GDP ของไทยเพิ่มขึ้น 1,170 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 12% เพิ่ม) ภายใน 2030 สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ETDA และ SAP ร่วมคาดการณ์ว่าตลาด AI ของไทยจะเติบโตจาก 480 พันล้านบาทใน 2024 เป็น 1,300 พันล้านบาทใน 2030
อย่างไรก็ตาม ไม่มีการรับประกันว่าผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจำนวนมหาศาลนี้จะกระจายไปยังสังคมทั้งหมดอย่างเท่าเทียม หากช่องว่างการนำ AI มาใช้ในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยังคงถูกปล่อยทิ้งไว้ เศรษฐกิจไทยจะเดินตามเส้นทางการฟื้นตัวและการเติบโตแบบ “K-shaped” ที่อันตราย บริษัทขนาดใหญ่และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมบางรายที่ใช้ AI จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ในขณะที่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมส่วนใหญ่จะสูญเสียความสามารถในการแข่งขันและหยุดนิ่ง
ผลกระทบต่อตลาดแรงงานก็ร้ายแรงเช่นกัน World Economic Forum คาดการณ์ว่าภายใน 2030 การจ้างงานของไทย 20% จะมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ ในขณะเดียวกัน ความต้องการทักษะที่เกี่ยวข้องกับ AI เพิ่มขึ้น 37% และมีการกำหนดเงินเดือนเริ่มต้นที่สูงขึ้น
ความเห็นของ BKK IT News
ช่องว่างการนำ AI มาใช้ที่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของไทยเผชิญไม่ใช่ปัญหาเทคโนโลยีเดียว แต่เป็นปัญหาหลายด้านที่มีรากฐานมาจากการขาดความเป็นผู้ใหญ่ทางดิจิทัลในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ไม่ใช่สิ่งที่เอาชนะไม่ได้
รัฐบาลหันไปใช้มาตรการสนับสนุนที่เจาะจงมากขึ้น ภาคเอกชนมีโซลูชันที่นวัตกรรมบนพื้นฐานกลไกตลาด โดยเฉพาะการร่วมมือของ Sea และ OpenAI ที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของแนวทางแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนโดยตลาด ซึ่งแตกต่างจากการสนับสนุนแบบ Top-Down แบบเดิม
เพื่อให้ไทยบรรลุการเติบโตที่ยั่งยืน การร่วมมือของทุกผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นสิ่งจำเป็น ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมควรให้ความสำคัญกับการปรับปรุงความเป็นผู้ใหญ่ทางดิจิทัลขั้นพื้นฐาน และเริ่มใช้เครื่องมือ AI ต้นทุนต่ำแต่มีประสิทธิภาพสูงที่บูรณาการในแพลตฟอร์มที่มีอยู่ ผู้ให้บริการเทคโนโลยีควรส่งเสริมโมเดล “Embedded AI” รัฐบาลควรเปลี่ยนจุดสำคัญของการสนับสนุนจาก “การนำ AI มาใช้” เป็น “การปรับปรุงความเป็นผู้ใหญ่ทางดิจิทัล”
การแข่งขันกับเวลาเริ่มขึ้นแล้ว ความสำเร็จหรือล้มเหลวในการแก้ไขช่องว่างการนำ AI มาใช้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดตำแหน่งทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของสังคมไทย
参考記事リンク
- View of DETERMINANTS OF AI AND MACHINE LEARNING TECHNOLOGY ACCEPTANCE IN BUSINESS DECISION-MAKING AMONG THAI SMES: EVIDENCE FROM CHACHOENGSAO PROVINCE – ThaiJO
- AI era dawns: 40% of Thai SMEs embrace AI for competitiveness – Nation Thailand
- Experts urge SMEs to embrace AI for business growth and efficiency – Nation Thailand
- Launch of AI Whitepaper, a guide to help Thai businesses use AI sustainably
- Sea and OpenAI sign MOU to accelerate AI adoption in Southeast Asia