รัฐบาลไทยเปิดตัวระบบ TouristDigiPay ~แลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลเป็นบาท เพิ่มความสะดวกนักท่องเที่ยว~

รัฐบาลไทยเปิดตัวระบบ TouristDigiPay ~แลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลเป็นบาท เพิ่มความสะดวกนักท่องเที่ยว~ Nomad
Nomad

รัฐบาลไทยได้เปิดตัวระบบ “TouristDigiPay” อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 ซึ่งเป็นบริการปฏิวัติสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่สามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ถือครองเป็นเงินบาทไทยและใช้จ่ายภายในประเทศได้ ระบบนี้ไม่ได้อนุญาตให้ใช้สกุลเงินดิจิทัลเป็นสื่อการชำระเงินโดยตรง แต่จัดอยู่ในกรอบ “บริการแลกเปลี่ยน” อย่างเคร่งครัด

มาตรการฉุกเฉินเพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

พื้นหลังการนำระบบนี้มาใช้เกิดจากการถดถอยอย่างรุนแรงของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยตั้งแต่ต้นปี 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง 6.56% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดลงอย่างเด่นชัดของนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเคยเป็นตลาดหลักในอดีต รัฐบาลจึงหันมาให้ความสนใจกับกลุ่มผู้มีฐานะใหม่ คือ ผู้ถือครองสกุลเงินดิจิทัลและนักท่องเที่ยว Digital Nomad ที่กำลังขยายตัวทั่วโลก

เมื่อมองย้อนกลับ การควบคุมสกุลเงินดิจิทัลของไทยเริ่มต้นจากพระราชบัญญัติธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในปี 2561 ช่วงปี 2564-2565 ก.ล.ต. และธนาคารแห่งประเทศไทยได้เตือนภัยการใช้สกุลเงินดิจิทัลเป็นสื่อการชำระเงิน อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นมา รัฐบาลได้เปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ โดยยกเลิกภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% สำหรับกำไรจากสกุลเงินดิจิทัล และให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 5 ปี ตั้งแต่มกราคม 2568 ถึงธันวาคม 2572

ระบบกำกับดูแลแบบสามฝ่าย

การดำเนินงาน TouristDigiPay อยู่ภายใต้การจัดการแบบแบ่งหน้าที่ของสามหน่วยงาน คือ ก.ล.ต. ธ.ป.ท. และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นักท่องเที่ยวต้องเปิดบัญชีแยกกันสองบัญชี คือ บัญชีผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. และบัญชีผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับอนุญาตจาก ธ.ป.ท.

กระบวนการใช้งานมีดังนี้ นักท่องเที่ยวส่งสกุลเงินดิจิทัลไปยังผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ผู้ประกอบธุรกิจแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาท เงินที่แลกเปลี่ยนแล้วจะถูกฝากเข้าบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่า “Tourist Wallet” ที่ได้รับอนุญาตจาก ธ.ป.ท. ผู้ใช้สามารถใช้เงินในกระเป๋าดังกล่าวชำระค่าสินค้าและบริการที่ร้านค้าในประเทศผ่านการสแกน QR Code ประเด็นสำคัญคือ การห้ามถอนเงินสดออกมา ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญเพื่อป้องกันการฟอกเงิน

วงเงินการใช้งานถูกกำหนดเป็นขั้นๆ ร้านค้าขนาดเล็กจำกัดวงเงิน 50,000 บาทต่อเดือน ส่วนร้านค้าที่ผ่านการรับรองอย่างเป็นทางการจำกัดวงเงิน 500,000 บาทต่อเดือน การชำระเงินในธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงต่อการฟอกเงินจะถูกห้ามตามแนวทางของ ปปง.

การทดลองใน Regulatory Sandbox

ระบบนี้ดำเนินการภายใต้กรอบ “Regulatory Sandbox” ซึ่งเป็นกรอบการทำงานที่อนุญาตให้ทดลองนำระบบใหม่มาใช้ในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ เพื่อติดตามประสิทธิภาพและจัดการความเสี่ยง นักท่องเที่ยวที่มาเพื่อการลงทุนจะได้รับการยกเว้นคำเตือนเรื่องความเสี่ยงและการทดสอบความเหมาะสมที่ปกติจะต้องทำ ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น

รัฐบาลได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงกรกฎาคม 2568 เพื่อรวบรวมข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการและประชาชน ช่วงรับฟังความคิดเห็นนี้เป็นขั้นตอนสำคัญในการลดความเสี่ยงของนโยบายและสร้างความเข้าใจร่วมกันของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

แนวโน้มและความท้าทายในอนาคต

จากมุมมองของ BKK IT News เราคาดการณ์ว่าระบบนี้มีแนวโน้มขยายตัวเป็นขั้นๆ “Tourist Wallet” มีแผนเชื่อมต่อโดยตรงกับเดบิตการ์ดและเครดิตการ์ดของนักท่องเที่ยวต่างชาติในอนาคต นอกจากนี้ยังมีแง่มุมการเป็นการทดลองสำหรับสกุลเงินดิจิทัลธนาคารกลาง (CBDC) ที่ ธ.ป.ท. กำลังศึกษาอยู่

แต่ในขณะเดียวกันก็มีความท้าทายอยู่ ความกังวลหลักคือความเสี่ยงจากการฟอกเงิน เนื่องจากลักษณะการไม่เปิดเผยตัวตนของสกุลเงินดิจิทัล อาจทำให้การติดตามครบถ้วนเป็นไปได้ยาก สภาท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก็ได้เตือนเรื่องความเสี่ยงจากการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของธุรกิจต่างชาติที่ผิดกฎหมาย

ด้านการดำเนินงาน ความท้าทายคือการนำระบบการชำระเงินใหม่นี้มาใช้และดำเนินงานอย่างราบรื่นโดยผู้ประกอบการตั้งแต่โรงแรมระดับไฮเอนด์ไปจนถึงแผงลอยแม่ค้า ข้อเท็จจริงที่ผู้เกี่ยวข้องในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอย่างภูเก็ตไม่ทราบถึงการมีอยู่ของการรับฟังความคิดเห็น แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างนโยบายกับสถานการณ์จริงในพื้นที่

ผลกระทบต่อภาคธุรกิจ ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจะได้รับโอกาสในตลาดใหม่ แต่ต้องเตรียมระบบการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวด ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวต้องเตรียมรองรับระบบการชำระเงินใหม่ นอกจากนี้ บริษัท RegTech จะได้รับประโยชน์จากความต้องการบริการสนับสนุนการปฏิบัติตาม KYC และการตรวจสอบธุรกรรมที่เข้มงวด

ในระยะยาว ระบบนี้อาจกลายเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ในการสร้างให้ไทยเป็นศูนย์กลางฟินเทคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หากประสบความสำเร็จ จะกลายเป็นต้นแบบสำหรับประเทศที่พึ่งพาการท่องเที่ยวอื่นๆ และนำมาซึ่งประโยชน์จากการเป็นผู้นำตลาดสำหรับไทย

ลิงก์บทความอ้างอิง